เที่ยว แม่สาย ท่าขี้เหล็ก ดอยแม่สลอง เชียงของ เชียงราย
วางแผนเดินทางกันก่อน
แผนการเดินทาง ครั้งนี้ผมเลยวางแผนเริ่มต้นเดินทางไปเชียงราย 4 วัน 3 คืน นอนบนรถทัวร์ 1 คืน พักดอยแม่สลอง 1 คืน พักเชียงของ 1 คืน เลยจองที่พัก ผมจองผ่าน agoda.com เว็บนี้ ส่วนเรื่องเที่ยวและการเดินทางของผมมาติดตามกันเลยครับ
โปรแกรมทริปนี้ขอเที่ยวไปประหยัดเนื่องจากงบน้อยครับ เลยวางแผนครั้งนี้อาศัยโดยรถโดยสารเดินทางระหว่างอำเภอเป็นหลัก แต่ขอบอกว่าสนุกไปอีกแบบ ส่วนโปรแกรมรอบนี้เป้าหมายคือจังหวัดเชียงรายครับ ตามแผนตอนแรกที่วางไว้จะไปเที่ยวแม่สาย, ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า, ดอยแม่สลอง, เชียงของ, บ้านห้วยทราย ประเทศลาว และกลับมาตัวเมืองเชียงราย แต่เนื่องจากช่วงที่ผมไปดอยตุงได้ปิดพระตำหนักผมเลยตัดรายการดังกล่าวออกไปเพื่อประหยัดที่สุดครับ ^^
สาเหตุการเดินทางครั้งนี้
จากที่เกริ่นแล้วข้างต้น เนื่องจากอยากเที่ยวเชียงรายมาก เลยจัดโปรแกรมเที่ยวเชียงรายให้สมใจแบบประหยัด ตามโปรแกรมเที่ยวที่วางไว้ก่อนเดินทางนี้ ได้แก่ เที่ยวแม่สาย ดอยแม่สะลอง เชียงของ แล้วกลับมาเที่ยวตัวเมืองเชียงราย เป็นโปรแกรมสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพครับ
การเดินทางวันแรก
เดินทางวันแรกด้วยจากจองตั๋วสมบัติทัวร์ รอบ 20.30 รถปรับอากาศ ม1ข นั่งสบายแถมราคาถูกสุดแล้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง ราคาตั๋วโดยสาร 612 บาท ถึงอำเภอแม่สายประมาณ 08.35 ได้ครับ
การเดินทางวันที่สอง
พอถึงสถานีขนส่งอำเภอแม่สาย มีรถสองแถวแดงคอยบริการไปบริเวณด่านชายแดน ซึ่งการผ่านแดนไปประเทศพม่า ต้องทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวบริเวณที่ว่าอำเภอแม่สาย ซึ่งสามารถบอกรถสองแถวให้จอดเพื่อทำบัตรผ่านแดนได้เลยครับ ค่าตั๋วโดยสาร 15 บาท ตลอดสาย แต่เนื่องจากรถสองแถวไม่จอดรอ ผมเลยต้องเสียค่าวินมอเตอร์ไซค์ไปบริเวณด่านชายแดนอีก 20 บาทครับ
พอถึงบริเวณด่านชายแดนมีคำแนะนำเกี่ยวกับการซื้อเข้า และสินค้าต้องห้ามในการนำเข้าไว้ครับ
เดินทางผ่านแม่น้ำสายเล็กเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างอำเภอแม่สายกับประเทศพม่า ซึ่งพอข้ามด่านชายแดน จะมีสามล้อคอยแนะนำที่เที่ยวให้นักท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ที่สนนราคา 150 บาท เที่ยวได้ประมาณ 6 แห่งได้ครับ แต่ผมเลือกเที่ยว 3 แห่งเพราะการวางแผนเบื้องต้นกลัวเดินทางต่อไม่ทันครับ
สถานที่แรกของการเที่ยว คือ วัดพระหยก พระสามมิติ เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปตามมิติ ความประหลาดของพระพุทธรูปดังกล่าวก็คือ หากคุณเดินมองพระพุทธรูปแล้วเดินไปมาจะปรากฏว่าพระพุทธรูปดังกล่าวมองตามสายตาเราตลอดเวลาครับ
สถานที่สองของการเที่ยว คือ พระธาตุเจดีชเวดากองจำลอง ซึ่งจำลองโดยย่อขนาดลง 5 เท่าจากของจริง บริเวณวัดมีจุดชมวิว พระพุทธรูปประจำวัน และพระพุทธรูปทันใจ
ลืมบอกไปครับ เวลาไปเที่ยววัดนี้ จะมีเด็กน้อยนำทางคอยกางร่ม และคอยให้คำแนะนำเรื่องการเที่ยววัดดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจน้องคนนี้มากครับ เพราะตอนเข้ามาในวัดจะมีเด็กมาขายดอกไม้สำหรับไหว้พระ แล้วมีน้องคนนี้เข้ามากางร่มให้ครับ ตอนแรกผมเลยบอกน้องเค้าว่าพี่ให้ยี่สิบและกัน น้องเค้าบอกไม่เอา เพราะส่วนใหญ่หากท่านมาเที่ยวพม่าแล้วเผลอให้ตังเด็กที่มาขอท่านแล้ว จะเกิดปรากฏการณ์เด็กที่มาขอตังจะมาล้อมท่านแบบไม่สามารถปฏิเสธให้ได้นอกจากใจแข็งจริงๆครับ ผมเลยค่อนข้างประทับใจในใจน้องคนนี้เลยครับ ผมสงสารน้องเค้าอยู่เหมือนกันและพอเที่ยวเสร็จว่าจะให้ตังน้องเค้ากินขนม แต่เกิดเหตุการณ์ที่ผมอดขำในความน่ารักไม่ได้ เพราะพอไหว้พระเสร็จน้องเค้าจะเอาโปสการ์ด ธนบัตร มาขายในราคา 120 บาท ครับ > < ผมเลยแกล้งถามว่าเอาจากที่ไหนมาขาย น้องบอกผมว่าช่วยแม่ขายของ ผมเลยไม่รอช้าอุดหนุนน้องเค้าพร้อมแถมตังให้น้องเค้าเพราะความประทับใจของน้องซึ่งหากได้ยากสำหรับเด็กที่มาขายของครับ
สถานที่สามของการเที่ยวในประเทศพม่าและเป็นที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับ คือ วัดพระแก้ว ครับ
หลังจากเที่ยวไหว้พระในประเทศพม่าเสร็จแล้ว ได้เวลาเดินกลับประเทศไทยเที่ยวบริเวณแม่สายครับ
กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ ไปเจอร้านข้าวซอยพอดีเลยแวะกินรองท้องก่อนเดินทางจากแม่สายไปดอยแม่สะลองต่อครับ
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ผมเดินทางด้วยสองแถวสายเดิมไปที่สถานีขนส่งแม่สายเพื่อนั่งรถไปขึ้นสองแถวที่อำเภอแม่จัน เพื่อเดินทางต่อไปดอยแม่สะลองครับ ส่วนค่าตั๋วจากด่านชายแดนมาขนส่ง 15 บาท จากสถานีขนส่งแม่สายไปยังท่ารถไปดอยแม่สะลอง 25 บาท และจากท่ารถแม่จันไปยังดอยแม่สะลอง 60 บาทครับ
ในที่สุดก็ถึงแล้วครับ ดอยแม่สะลอง ด้วยระยะเดินทางรวม เกือบ 3 ชั่วโมงจากสถานีขนส่งแม่สาย T T
ผ่านหลักกิโลเมตรมาหน่อยเดียวครับ ก็จะเจอที่พักที่จองไว้ ลิตเติ้ลโฮมรีสอร์ท ค่าห้องมีตั้งแต่ 300 500 บาทนะครับ เบอร์ติดต่อ 08-1288-0256 เจ้าของนิสัยน่ารักเอาใจใส่ทุกรายละเอียดมากครับ แถมที่นี่มีรถมอเตอร์ไซค์ให้ขับเช่าเที่ยววันละ 200 บาทครับ
หลังจากได้ห้องพักแล้วไม่รอให้เสียเวลาผมจัดการเก็บข้าวเก็บของอาบน้ำแล้วท้องเริ่มร้องหลังจากเดินทางมาร่วมสามชั่วโมงกว่า ผมเลยจัดการวนหาร้านอาหารพื้นเมืองบริเวณตลาดกินซะเลย ร้านอาหารเล่าซาง โภชนา
หลังจากกินอิ่มแล้ว เริ่มเที่ยวกันเลย เริ่มต้นด้วย พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทร์สถิตมหาสันติคีรี ทางขึ้นอยู่ตรงแยกใกล้ๆตลาด เข้าไปอีกสี่กิโลเมตร ถนนดีตลอดทาง แต่ทางสุดยอดมากขึ้นชันมาก ใครจะขับมอไซค์ต้องขับชำนาญนิดนึงครับ เพราะทางโหดจิงๆครับ
หลังจากเที่ยวพระธาตุเสร็จขับมอไซค์แว๊นในเมืองเจอร้านชาจากไร่ชาหงส์ฟู่ เลยแวะจิบชาก่อนกลับ
หลังจากจิบชาสี่ฤดูไปสองเหยือกกลับถึงห้องนอนหลับไม่รู้เรื่องเลยครับ สงสัยเมาชา ^^
การเดินทางวันที่สาม
วันนี้ตื่นแต่เช้าออกมาเดินตลาดสูดหายใจสดชื่นมากครับ เดินตลาดเสร็จได้เวลาเก็บข้าวเก็บของเดินทางต่อครับ โปรแกรมวันนี้ยังอีกยาวไกล ^^
หลังจากรถมารับแล้วไปรับนักท่องเที่ยวอีกรีสอร์ทนึง แม่สะลองรีสอร์ทครับเลยถ่ายรูปมาฝากครับ
หลังจากเดินทางลงดอยแม่สะลองมาถึงอำเภอแม่จัน 60 บาท แล้วนั่งรถต่อมาตัวจังหวัดเชียงราย 15 บาท แล้วต่อรถเมล์แดงไปเชียงของ 65 บาท ผ่านทุ่งนาบรรยากาศชิวได้จายมากเลยครับ
หลังจากเดินทางอันยาวนานจากดอยแม่สะลอง ถึงเชียงของประมาณบ่ายสามนิดๆได้ครับ เลือกพักเชียงของกรีนอินน์ อยู่ ซอย 7 ติดกับเซเว่นเลยครับ ห้องพักมีแบบถูก 200 พัดลม ห้องน้ำรวม กับ 500 ห้องน้ำในตัว มีแอร์ ผมเลือกราคาห้องพัก 500 บาทเป็นห้องแอร์ มีตู้เย็นเครื่องทำน้ำอุ่น 053-791-009 โทรไปจองได้เลยครับ ถูกกว่าอโกด้า ห้องพักส่วนตัวผมว่าเหมาะสมกับราคา ดูสะอาดดีครับ แถมที่นี่มีมอไซค์ให้เช่าด้วยครับ 200 บาทครับ
หลังจากได้ห้องพักเก็บข้าวเก็บของอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว ได้เวลาเที่ยวเชียงของกันแล้วครับ
สถานที่แรก คือวัดศรีดอนชัย ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนครับ ตัววัดตั้งอยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอเชียงของครับ ไม่ไกลจากที่พักมากครับ ^^
ไหว้พระเสร็จกันแล้ว หาอะไรกินรองท้องหน่อยดีกว่า ไปเจอร้านกาแฟขนมปัง ร้านกาแฟสบายดีเชียงของ อยู่ตรงข้ามโรงแรมเชียงของทีคการ์เด้น เป็นร้านที่แต่งร้านได้น่ารักดีครับ เลยแวะนั่งชิวซักหน่อยดีกว่า
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ตั้งใจไปขับมอไซค์ไปดูวิวริมโขงเลยตัดสินใจขับไปเชียงแสนครับได้รูปสมใจ แต่รูปอาจดูไม่สวยนัก ส่วนตัวผมว่าต้องไปดูเอง สวยมากจริงๆครับ
เวลาเริ่มใกล้ค่ำแล้ว ผมเลยตัดสินใจขับกลับตัวอำเภอเชียงของ แวะถ่ายรูปริมโขงบริเวณท่าเรือบั๊กต่อ
บรรยากาศยามเย็นช่างน่านั่งชิวมาก ผมเลยตัดสินใจหาร้านอาหารนั่งจิบเบียร์ซักขวดดื่มดำบรรยากาศ เลยขับมอไซค์ไปถนนริมโขง ขับสำรวจอยู่นาน ตัดสินใจเข้าร้านอาหารริมโขง เมนูที่สั่ง ต้มยำปลาคัง 130 บาท ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม 130 บาท ข้าวเปล่าหนึ่งจาน 20 บาท เบียร์สิงห์หนึ่งขวด 75 บาท แก้วน้ำแข็ง 5 บาท ค่าเสียหายมื้อนี้ 360 บาท ครับ อิ่มแปร่เลยทีเดียว ^^
หลังจากกินอิ่มแล้ว ผมเลยกลับมานั่งพักที่พักซักแปบแล้วค่อยเดินไปดูตลาดกลางคืน แต่เผลอหลับไปนอนไหนไม่รู้เรื่องเลย เลยอดเอารูปตลาดกลางคืนมาให้ชมเลยครับ
การเดินทางวันที่สี่ วันสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพครับ
วันนี้ตื่นแต่เช้าออกมาโปรแกรมคร่าวของผมวันนี้ ต้องไปลาวให้ได้ครับ แต่ยังค่อนข้างเช้าอยู่เลยขับรถชมเมืองยามเช้า พอดีเจอร้านกาแฟอิ่มอุ่น ซึ่งไม่แวะก็เหมือนมาเที่ยวไม่ถึงเชียงของสิ เลยจัดการสั่ง สมูตี้สตอเบอรี่ปั่น นั่งชิวประชดอากาศเย็นยามเช้าซะเลย ^^
ได้เวลาเที่ยวประเทศลาวจัดการ ผมเลยขับไปที่ว่าอำเภอเชียงของ หาไม่ยากครับ อยู่ติดวัดศรีดอนชัยเลยครับ ทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว โดยยื่นบัตรประชาชน แล้วเสีย 30 บาท สะดวกมากทีเดียว
พอได้หนังสือเดินทางผ่านแดนชั่วคราวมาแล้ว กินอาหารเช้าซักหน่อย เจอร้านข้าวมันไก่ไหหลำ บะหมี่ทำเองขึ้นชื่อที่เชียงของ ผมเคยสั่งมาลองทั้งสองเมนูเลยครับ รสชาติอร่อยสมคำร่ำลือครับ
อิ่มแปร่พุงกางกันแล้ว ได้เวลาลุยบ้านห้วยทราย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก่อนอื่นต้องมาขึ้นเรือที่ท่าเรือบั๊กก่อนครับ ที่สำคัญห้ามลืมเด็ดขาด ต้องประทับตราบริเวณด่านขาออก ซึ่งอยู่ตรงท่าเรือก่อนขึ้นเรือข้ามฝากครับ ส่วนค่าเรือขาไป 40 บาท ขากลับ 40 บาทครับ
เรือข้ามฟากของเราวันนี้เป็นเรือหางยาว ส่วนตัวผมว่าค่าเรือข้ามฟาก ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว แต่ทำไงได้หละครับ คนมันอยากเที่ยวหละสิ ฉะนั้นจ่ายไปอย่าบ่น อิอิ
นั่งเรือแค่อึดใจเดียวก็ถึงฝั่งลาวแล้วครับ ก่อนอื่นห้ามลืมเด็ดขาดไปประทับตรา ที่ด่านขาเข้าประเทศแล้วเสียค่าธรรมเนียม 50 บาทก่อนครับ
บริเวณบ้านห้วยทรายฝั่งนี้ เป็นที่เดินทางต่อไปทั้งหลวงพระบาง และประเทศจีน ซึ่งวิธีการเดินทางมีทั้งรถยนต์เช่า รถตู้ เรือเร็ว เรือช้า ผู้ให้บริการมีเพียบไม่ต้องห่วงครับ ส่วนสนนราคาผมลองดูแล้วเท่ากันเืกือบทุกที่ครับ ต่างกันแค่เวลาเดินทาง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะไปต่อส่วนใหญ่จะมาข้างคืนที่นี่ครับ
ซึ่งเดินผ่านมาอีกนิดจะเจอวัดจอมเขามณีรัตน์ เป้าหมายหลักในการมาห้วยทรายครั้งนี้ ^^
เดินเที่ยววัดเสร็จก่อนเดินทางกลับแวะผ่านกลางเมืองเลยถ่ายรูปบริเวณบ้านห้วยทรายให้ดูครับ
หลังจากเดินทางเที่ยวเชียงของแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับจากเชียงของไปเชียงราย รอบเที่ยงพอดี ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงครึ่ง ค่าตั๋วราคา 65 บาท ถึงสถานีขนส่งเชียงราย
สถานที่เดินทางที่แรก คือ วัดร่องขุน เดินทางได้จากสถานีขนส่งเชียงรายไปกลับ 300 บาท ทั้งสองแถวและสามล้อเครื่องครับ หรือนั่งรถเมล์ธรรมดามาจากแม่สลวย แต่ค่าโดยสารผมไม่แน่ใจจริงๆครับ
ซึ่งผมนั่งสามล้อเครื่องมาครับ ทางวัดร่องขุนจะจัดที่จอดรถไว้บริเวณด้านหลังวัดครับ ส่วนความสวยงามของวัดดังกล่าวขอบอกว่าเห็นครั้งแรกผมทึ่งมาก รายละเอียดงานถือว่าสวยสดงมงามมาก
เดินเข้ามาจุดแรกขวาที่จะพบคือ บ่อน้ำอธิษฐานจิต ซึ่งภายในจะมีบ่อน้ำโดยอธิษฐานโดยต้องยืนให้ตรงตามราศีเกิดที่ระบุไว้บริเวณพื้นอาคารด้วยนะครับ ^^
ติดกันกับบ่อน้ำอธิษฐานจิต จะพบว่าฉัตรใบโพธิ์สีเงิน ซึ่งสามารถเขียนซื้อใบสีเงินเขียนชื่อแล้วนำไปแขวนไปในฉัตรใบโพธิ์ได้ครับ
เดินมาซักพัก จะเจอทางเข้าอุโบสถด้านหน้าครับ ผมเลยถ่ายรูปแบบเอาให้คุ้มค่ารถที่เดินทางมา ^^
หลังจากเที่ยววัดจนหนำใจ ได้เวลากลับมาในตัวเมืองแล้ว เพราะเรามีนัดกับหอนาฬิกาเชียงรายตอนทุ่มนึงครับซึ่งสามารถเดินไปทางสถานีขนส่งเชียงราย (เก่า) ไปไม่ไกลมากครับ ซึ่งระหว่างทางจะผ่านลานกลางเวียง แล้วทะลุผ่านออกมาถนนอีกเส้นนึง จะเจอร้านสเวนเซนส์ ผมเลยกินไอติมเพื่อรอเวลาครับ
เดินออกจากร้านสเวนเซนส์มาทางซ้ายจะเจอแยกไฟแดง เดินทางไปทางซ้ายของไฟแดงซักพักก็เจอจะกับหอนาฬิกาเป้าหมายอีกเป้าหมายของเราวันนี้
เดินมาเจอร้านกาแฟ Dolly Sweet Coffee & Restaurant แต่งร้านได้น่ารักมาก ไหนๆก็ยังไม่ถึงเวลาแวะถ่ายรูปหาอะไรกินรองท้องอีกหน่อยละกัน ^^
กินเสร็จแล้ว มารอเวลากันเวลากันเลย โดยผมนั่งรอเวลาที่ร้านกาแฟดอยช้างตรงวงเวียนหอนาฬิกาเลยถ่ายรูปเปรียบเทียบสองช่วงเวลา ก่อนถึงการแสดงครับ
ต่อไปจะเป็นคลิปการแสดงของหอนาฬิกา 5 นาที ซึ่งผมตั้งใจถ่ายเกร็งมือมากครับ
พอการแสดงจบลง ผมหาสามล้อเครื่องไปสนามบินประจำจังหวัดเชียงราย หรือ สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง ตอนแรกผมก็งงอยู่แล้ว พอมารู้ความจริงว่าเป็นชื่อใหม่้ที่เพิ่งเปลี่ยนได้ไม่นานครับ ^^
การเดินทางของทริปนี้ก้อจบลงแล้วครับ ยังไงรอติดตามทริปใหม่ในโอกาสต่อไปครับ ติดตามชมรายละเอียดได้ที่
Fackbook : https://www.facebook.com/TeawMuNDotCom
1 ความคิดเห็น