เที่ยวพิษณุโลกด้วยตัวเอง
เนื่องจากได้มีทริปนี้ถือว่าโชคดีที่ได้มานำเสนองานวิจัยที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ก่อนได้มีโอกาสมาเที่ยวพิษณุโลกแบบจริงๆจังๆ ซักรอบครับ ซึ่งทั้งนี้สบายหน่อยที่มีพี่ที่มาด้วยกันเอารถมาด้วยหนึ่งคัน ส่วนผมเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย โดยจองที่พัก P1 House พิษณุโลก 2 คืน ครับ เกริ่นกันเรียบร้อยแล้วมาเดินทางเที่ยวกันดีกว่าครับ
เดินทางวันแรก
เช้าวันแรกเดินทางไปพิษณุโลกด้วย สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินเวลา 06.55 น. ถึงสนามบินพิษณุโลก เวลา 07.50 น.
จองที่พักผมจองผ่าน agoda.com โดยจองที่พัก P1 House พิษณุโลก 2 คืน ครับ
เข้ามาภายในจะเจอเคาน์เตอร์ต้อนรับ
มาดูสภาพห้องพักกันบ้างครับ
สำรวจที่พัก เก็บกระเป็ากันเรียบร้อยแล้ว กินอาหารเช้ารองท้องกันซะหน่อยที่ร้านกนกภัณฑ์ เมนูเด็ดได้แก่ ขนมจีบ ซาลาเปาและก๋วยเตี่๋ยวต้มยำ ซึ่งมีหรอจะพลาดเมนูเด็ด สั่งมาครบเลยจ้าา
เนื่องจากต้องรอรับของอาจารย์ที่มาสัมนาด้วยกันตอนเที่ยง เลยเดินทางหาร้านกาแฟนั่งชิวๆกันก่อนครับ วันนี้ขอนำเสนอร้านไม้โอ๊ต บรรยากาศแบบไม้ดิบๆ ติดแอร์นั่งรอเวลาได้อย่างดีทีเดียวครับ
พาชมบรรยากาศภายในร้านบ้างครับ
วันนี้สั่งชอคโกแลตปั่นที่มาเสริฟ พร้อมน้ำชากับผ้าเย็น ชิวสุดๆ
ได้เวลาอันสมควรไปรับอาจารย์ที่สนามบิน แล้วเดินทางเที่ยวสถานที่แรก คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดพิษณุโลก เป็นวัดสำคัญที่สุดของจังหวัดพิษณุโลก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ริมถนนพุทธบูชา เป็นวัดหลวงชั้นเอก “วรมหาวิหาร”
ภายในวิหารของวัดเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธชินราช” หรือที่ชาวเมืองพิษณุโลกเรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) โปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินสีห์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศนเทพวราราม และพระศรีศาสดาซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
พุทธลักษณะของพระพุทธชินราชนั้นสวยงามมาก เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิง พระหัตถ์มีปลายนิ้วทั้งสี่เสมอกัน ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษเรียกว่า ทีฒงฺคุลี ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในโลก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาชมและสักการบูชาพระพุทธชินราชเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมี “พระเหลือ” ซึ่งพระยาลิไทรับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดามารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก และพระสาวกยืนอีก 2 องค์ ประดิษฐานในวิหารน้อย เรียกยกว่า “วิหารพระเหลือ”
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.dhammathai.org/watthai/north/watphrasri-phitsanulok.php
ใกล้ๆกันจะเป็น วัดนางพญา ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับวัดราชบูรณะ ถัดไปทางทิศตะวันออก มีลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยเดียวกับวัดราชบูรณะ ต่างกันที่วัดนางพญาไม่มีพระอุโบสถมีแต่วิหาร วัดนี้มีชื่อเสียงในด้านพระเครื่อง เรียกว่า พระนางพญา ซึ่งเล่าลือกันถึงความศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันหาได้ยากมาก มีก็แต่ที่ได้สร้างจำลองขึ้นภายหลัง มีการพบกรุพระเครื่องครั้งแรกใน พ.ศ. 2444 และครั้งหลังเมื่อ พ.ศ. 2497
หลังจากอิ่มบุญจากการไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว ได้เวลาหาร้านอาหารอร่อยๆ ริมแม่น้ำน่านกันครับ จริงๆบริเวณนี้มีหลายร้านด้วยกัน แต่สุดท้ายก็เลือกเข้าร้านอาหารแพภูฟ้าไทยจ้า
เมนูที่สั่งแบบจัดเต็มแบบกินกันพุงกาง ได้แก่ ปลาน้ำเงินนึ่งซีอิ้ว ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน ยำถั่วพลู ตบท้ายด้วยขาหมู แน่นโครตๆ แทบปลดกระดุมออกจากบ้าน อร่อยทุกเมนู อิ่มมากขอบอกๆ
อิ่มเสร็จเรียบร้อย แยกย้ายเข้าที่พักเพื่อเตรียมสำหรับภาระกิจพรุ่งนี้ต่อครับ
เดินทางวันที่สอง
เช้าวันนี้ต้องทำภาระกิจสัมนาครึ่งวัน ในงานนเรศวรวิจัย เลยเอาภาพกิจกรรมมาพอเป็นกระสัยแล้วกันนะครับ
หลังจากเสร็จภารกิจ ในงานนเรศวรวิจัยกันแล้ว ได้ออกเดินทางเข้ามาในตัวเมืองพิษณุโลก หาอาหารมื้อเที่ยงกินที่ร้านแป้งหมัก เมนูที่สั่งมาลองชิมคือ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ ติมซำหลากหลายรสชาติ ซาลาเปาสั่งกลับบ้านจ้า
กินอิ่มกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไหนๆมาพิษณุโลกแล้ว ไม่มานมัสการศาลสมเด็จพระนเรศวรที่ พระราชวังจันทน์ เหมือนจะมาไม่ถึงพิษณุโลก โดยตั้งเอยู่ติดกับ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพภาคที่ 3 ถนนวังจันทน์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ในอดีตยังเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ปัจจุบัน กรมศิลปากร ได้เข้ามาทำการบูรณะค้นหาแนวเขตพระราชวังจันทน์ ระยะที่ 1 เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การเดินทาง : รถยนต์ จากที่ว่าการอำเภอ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวังจันทร์ก่อนถึงสะพานนเรศวร ขับเลียบไปตามแม่น้ำน่านพระราชวังจันทร์และศาลสมเด็จพระนเรศวรอยู่ทางด้านซ้ายมือ หรือ จากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่ , วัดพระพุทธชินราช) ข้ามสะพานนเรศวร ลงสะพานเลี้ยวขวาเข้าถนนวังจันทร์เดินเลียบลำน้ำน่านไปเรื่อย ๆ พระราชวังจันทร์และศาลสมเด็จพระนเรศวรอยู่ทางด้านซ้ายมือ
ขับรถออกทางด้านหน้าติดถนนใหญ่ ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอเมือง จะพบกับ ศาลหลักเมืองพิษณุโลก ศาลแห่งนี้ประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก ออกแบบอาคารโดยกรมศิลปากร เป็นแบบยอดปรางค์ มีฐานกว้าง 16.60 เมตร สูง 10.65 เมตร สร้างเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2540 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ มาทรงเปิดศาลหลักเมืองพิษณุโลก
เสาหลักเมืองพิษณุโลกทำจากไม้มงคลหลายชนิด ประกอบด้วยสามส่วน คือ ส่วนลำต้น(จากโคนลำต้น ลำต้นถึงลูกฟัก)ทำจากไม้ราชพฤกษ์ ส่วนที่สองเป็นท่อนลูกแก้วทำจากไม้ชิงชัน ส่วนที่สามเป็นส่วนยอด(ยอดบัวตูม)ประกอบด้วยลูกแก้วทำจากไม้สักทองตายพราย และได้นำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ไหว้พระอิ่มบุญกันแล้ว ท้องเริ่มร้องให้เราดั้นด้นหาร้านอาหารอร่อยมารับประทานกัน สำหรับมื้อนี้ เป็นร้านแนะนำของชาวพิษณุโลกอีกเช่นเคย ได้แก่ ร้านครัวสาขาสอง เมนูแนะนำตามภาพด้านล่างเลยจ้า
ภายในร้านแต่งค่อนข้างดูดีทีเดียวครับ
เมนูที่สั่งวันนี้ ได้แก่ ปลาดิ้นน้ำข้น น้ำพริกกุ้งเสียบ ยำเจ้าเขมร และปลาทับทิมนึ่งมะนาว
อิ่มแบบพุงกางกันแบบสองวันติดเป็นที่เรียบร้อย แยกย้ายเข้าที่พักเพื่อเตรียมสำหรับภาระกิจพรุ่งนี้วันสุดท้ายครับ
เดินทางวันที่สาม
การเดินทางวันที่สาม วันสุดท้ายของทริปนี้ เช้าต้องทำภาระหลัก ในงานนเรศวรวิจัย ซึ่งวันนี้ต้องนำเสนอบทความวิจัยด้วยครับ
พอตอนเที่ยงมีพิธีปิดแล้วมอบรางวัลสำหรับงานวิจัยครั้งนี้ครับ ปรากฏว่างานวิจัยเราได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งด้วย แอบดีใจๆ ที่ทำตั้งนานได้รางวัลด้วย
หลังจากเสร็จพิธีมอบรางวัล ต้องรีบเดินทางไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานครด้วย สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินเวลา 19.05 น. ถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 20.00 น. ครับ
สุดท้ายต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านตั้งแต่แรกจนจบ
ทริปต่อไปจะไปที่ไหน ติดตามชมรายละเอียดได้ที่
Fackbook : TeawMuNDotCom