เที่ยวปากเซ ดอนโขง ด้วยตัวเอง
วางแผนเดินทางกันก่อน
สรุปทริปปากเซ ดอนโขง ด้วยตัวเอง 5 วัน 4 คืน ครั้งนี้ผมเลยวางแผนเริ่มต้นเดินทางจากอุบลราชธานี พักปากเซคืนแรก พักคอนคอนคืนที่สอง แล้วกลับมาพักปากเซคืนที่สาม และคืนสุดท้ายกลับมาพักที่อุบลราชธานี ก่อนขึ้นเครื่องกลับตอนเช้าวันถัดไป เลยจองที่พัก ผมจองผ่าน agoda.com เว็บนี้ ส่วนเรื่องเที่ยวและการเดินทางของผมมาติดตามกันเลยครับ
สาเหตุการเดินทางรอบนี้
เนื่องจากได้ตั๋วถูกอีกแล้ว จองกันข้ามปี ไปกลับคนละ ไม่ถึง 800 บาท แต่เนื่องจากผมได้มีภาระกิจทำงานที่อุบลราชธานีก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน เลยถือโอกาสเที่ยวแล้วยอมเสียตั๋วขาไปซะง้าน เพื่อเพิ่มวันเที่ยวให้ตัวเองอีกหนึ่งวันเต็มครับ จุใจสุดๆ
ผมเลยจัดทริปครั้งนี้ โดยวางแผนยังไงต้องไปเที่ยวให้ได้มากที่สุด ถึงจากการหาข้อมูลแล้วว่าการไม่มีรถ เดินทางลำบาก แต่เอาเข้าจริงๆไม่ลำบากเลย ยังไงรอติดตามอ่านกันนะครับ
เดินทางวันแรก
เนื่องจากเปลี่ยนแผนเดินทาง ที่มีวันเพิ่มหนึ่งวันแล้ว เลยวางแผนแบบชิวๆ
การเดินทางไปปากเซ จากอุบลราชธานี ไปได้สองรูปแบบ ได้แก่
รูปแบบแรก นั่งรถโดยสารวิ่งระหว่างประเทศ จากอุบลราชธานี ไปปากเซ ค่าโดยสาร 200 บาท ขึ้นที่สถานีขนส่งอุบลราชธานีครับ เที่ยวรถมีสองเที่ยว คือ 09.30 กับ 15.30 ครับ
รูปแบบที่สอง นั่งรถตู้จากอุบลราชธานี ไปด่านช่องเมก ค่าโดยสาร 100 บาท ขึ้นที่สถานีขนส่งอุบลราชธานี แล้วต่อรถตู้จากด่านช่องเมก ไปปากเซ ค่าโดยสาร 100 บาท รถตู้ขาหลัง ผมบอกว่าเสี่ยงรอนานมาก เพราะรถตู้ที่ปากเซ ถ้าเป็นแบบแชร์กันหลายๆคน ไม่เต็มไม่ออกครับ
ผมเลือกเอาสะดวกดีกว่าครับ เลยเลือกเดินทางด้วยบริษัท ขนส่ง จำกัด ที่มีรถโดยสารวิ่งระหว่างประเทศ จากอุบลราชธานี ไปปากเซ ค่าโดยสาร 200 บาท ขึ้นที่สถานีขนส่งอุบลราชธานีครับ
การเดินทางข้ามแดนไปปากเซ สามารถใช้ Boarding Pass กับ Passport ซึ่งต่างกันตรงที่ Boarding Pass จะออกจากตัวเมืองปากเซไม่ได้เลย อยู่เที่ยวได้ไม่เกิน 3 วัน หากไปเที่ยวนอกเมือง ถ้าจากผมไปก็ไม่เจอตรวจอะไร แต่ถ้าเจอตรวจจะถูกจับได้ ไม่คุ้มกันครับ ถ้าต้องการเที่ยวจริงๆ แนะนำใช้ Passport ดีกว่าครับ
ส่วนค่าธรรมเนียมฝั่งไทยไม่เสียครับ ฝั่งประเทศลาว ต้องมาเขียนใบเข้าออกประเทศ แล้วจ่ายค่าธรรมเนียมช่องที่ 6 ครับ
ตัวอย่างใบเข้าออกประเทศครับ
ถ้าเป็น Passport ผมไปเจอฝั่งลาว 100 บาท ผมว่าผมโดนเจ้าหน้าที่หลอก น่าจะอยู่ประมาณ 50 บาท เพราะผมได้ยินคนข้างหน้าจ่ายแค่ 50 บาท เค้าคงเห็นผมถือเงิน 100 บาทอยู่ เลยเรียก 100 บาท ผมก็จ่ายแบบงงๆ ยังไงถ้าท่านใดไปลองดูครับ ว่าสันนิษฐานผมผิดหรือเปล่า ^_^
โดยคืนแรก จอง ที่พัก โรงแรมไพดาว (Phi Dao Hotel) ที่ปากเซ Phathana Lakmuang 13 Raod, ถนนหมายเลข 13 ใต้, ปากเซ, ลาว (ดูแผนที่) โดยต่อรถจากที่ลงรถโดยสารระหว่างประเทศมา 80 บาทไทย แอบแพงนะนี่ แต่มาวันแรกไม่รู้ทิศทาง ยอมจ่ายตามระเบียบ
หลังจากถึงที่พักแล้ว คิดว่าจะถึงไวหน่อย แต่ที่ไหนได้รถกว่าถึงด่านช่องเมก ก็เกือบสิบเอ็ดโมง รอผู้โดยสารทำขั้นตอนการเข้าประเทศกว่าจะครบ ออกเกือบเที่ยงแล้ว ถึงปากเซ เกือบบ่ายสอง จากท่ารถมาที่พัก บ่ายสองครึ่ง หมดแรงหลับเลยครับวันแรก เลยทำได้แค่สำรวจรอบๆ ยามค่ำคืน
โรงแรมแสงอรุณ โรงแรมยอดฮิตของคนไทย อยู่ไม่ไกลจากที่ผมพักเลย ^_^
เวลาที่ออกมาสำรวจ ประมาณสองทุ่มครึ่ง เงียบมากเลยครับ แต่ผมหิวไม่อยากกินที่โรงแรม เลยออกมากินข้าวร้าน Bolaven Cafes Pakse ครับ บรรยากาศแจ่มเลย
พร้อมกับได้ข้อมูล การเดินทางโดยรถตู้ต่อไปนากะสัง จุดหมายปลายทางวันรุ่งขึ้นด้วยครับ ว่าเจ้าหน้าที่โรงแรมทุกโรงแรม มีขายตั๋วรถพร้อมเรือไปดอนเดช ดอนคอนเรียบร้อย ผมเลยไม่รอช้าไปจองกันเหนียวไว้ก่อน ได้ราคารถตู้ไปนากะสัง แบบมารับถึงหน้าโรงแรม เวลา 08.15 น. พร้อมเรือไปดอนคอน ราคา 70,000 กีบ คิดเป็นเงินไทยง่ายๆ 280 บาท ส่วนถ้าใครจะข้ามไปดอนเดช ราคา 65,000 กีบ ถูกกว่า 5,000 กีบครับ ส่วนวิธีแปลงเงินกีบไปเงินไทย แบบคิดง่ายๆ 1,000 กีบเท่ากับ 4 บาทไทยครับ
เดินทางวันที่สอง
ตื่นเช้าวันที่สอง 06.00 น. ไม่รู้เพราะความตื่นเต้นจนนอนตื่นเช้า หรือกลัวตกรถกันแน่ ตื่นแล้วก้ออาบน้ำขอลงมาชมเมืองปากเซยามเช้ากันหน่อย
เดินเที่ยวกันได้ซักพักแล้ว ใกล้เวลาเดินทางแล้ว ไปเอาตั๋ว พร้อมนั่งกินอาหารเช้ารองท้องกันก่อน
เมนูที่โรงแรม น่ารักดีครับ ราคาก้อไม่แพงมากด้วย อาหารเช้าของผม เมนูเบอร์สอง 15,000 กีบ กับชอกโกแลตร้อน 10,000 กีบครับ
รถตู้มารับที่หน้าโรงแรมตรงเวลา แล้วตระเวนไปรับผู้โดยสารท่านอื่นๆ จนครบแล้วออกเดินทางจาก ปากเซ ประมาณ 09.00 น.
รถตู้แวะพักระหว่างทางสิบห้านาที ผมเลยถ่ายรูปรถมาให้ดูกันครับ
ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ถึงท่าเรือ บ้านนากะสัง 11.00 น.
ถึงท่าเรือกันแล้ว ยังครับ ผมยังไม่ข้ามไปดอนคอนตอนนี้ครับ ตามแผนเมื่อไม่ให้เสียเวลาวันรุ่งขึ้นในการเดินทางไปปากเซ
ผมจึงตัดสินใจหารถเที่ยว น้ำตกคอนพะเพ็ง กันก่อนครับ มาคนเดียว เช่าคนไม่มีคนหาร ยังไงก็เอาครับ
การเดินทางไป น้ำตกคอนพะเพ็ง สามารถเดินทางจากท่าเรือ บ้านนากะสัง ซึ่งทางเข้าน้ำตกถ้ามาจากปากเซ จะเลยทางเข้า บ้านนากะสังไปอีก 20 กิโลเมตร ทางเข้าจะอยู่ขวามือเข้าไปอีก 5 กิโลเมตร ไปเจอลุงขับสามล้อ คุยถูกคอเลยตกลงราคากับแก ได้ 70,000 กีบ จากท่าเรือนากะสัง พาเที่ยวน้ำตกคอนพะเพ็ง ระยะเวลาตามใจเรา แล้วกลับมาส่งที่เดิม
ระหว่างทางคุยกับลุง แกบอกว่าเคยมาทำงานเปนพนักงานขับรถที่ประเทศไทย รู้จักคนไทยเป็นอย่างดี ไปมาทั่วทั้งเหนือกลางตะวันออก จบที่สุดท้ายที่เกาะสมุย
แล้วเอาเงินกลับมาหากินต่อที่ประเทศลาว ผมได้ฟังประวัติแก ผมยินดีสนับสนุนให้เลย ส่วนตัวผมชอบคนขยันสู้ชีวิตอยู่แล้วครับ
ถึงหน้าทางเข้าแล้ว ต้องเสียค่าตั๋วเข้าชม 30,000 กีบ
แต่ถ้าเห็นรูปจะบอกเลยว่าคุ้มครับ ก่อนอื่นถ่ายป้ายเพื่อยืนยันว่าไม่ผิดที่แน่นอน อิอิ
ด้านหน้าจะเป็นร้านค้ามากมายครับ ผมเดินตรงดิ่งไปที่น้ำตกเลยครับ
ภาพเบื้องหน้า สมกับเป็นน้ำตกไนแองการ่าแห่งเอเชียจริงๆ ทั้งสวยทั้งยิ่งใหญ่มากครับ
หลังจากการเที่ยว น้ำตกคอนพะเพ็ง ได้เวลาข้ามเรือไปดอนคอนกันแล้วครับ
เรือออกเดินทางกันแล้ว เป็นเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ลำใหญ่พอตัวเลยครับ
เดินทางมาถึงจุดแรก คือ ท่าเรือดอนเดช ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีที่พักค่อนข้างเยอะกว่า ดอนคอน แต่ผมจองที่พักไว้แล้วครับ
ลืมบอกไปครับ ถ้าไม่ได้ซื้อค่ารถพร้อมค่าเรือแบบผม จะเสียค่าเรือมาดอนเดช 15,000 กีบ ค่าเรือมาดอนคอน 20,000 กีบครับ
เหลือผู้ร่วมเดินทางร่วมกับเราแค่สองคน เป็นคู่สามีภรรยามาจากฝรั่งเศส มาแบบไม่มีที่พัก สุดท้ายมาพักที่เดียวกับผมครับ ^_^
ถึงดอนคอนแล้ว จากรูปจะเห็นบ้านไม้สองชั้น มันคือที่พักของเราวันนี้เอง ชิวดีไหมครับ
ขึ้นฝั่งกันเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาเก็บของเข้าที่พัก แพนส์ เรสซิเดนซ์ (Pan’s Residence)
Mekong Road, Khong District, ดอนคอน, ดอนโขง, ลาว (ดูแผนที่)
ราคา 600 บาท ถือว่าไม่แพงครับ เพราะเป็นห้องแอร์ วิวแม่น้ำสวยมาก แถมที่บอกกันว่ามีไฟไม่ตลอด ตอนนี้ที่คอนดอนมีไฟฟ้า 24 ชั่วโมงแน่นอนครับ เพราะผมนอนเปิดแอร์ทั้งคืนเลย ^_^
ได้กุญแจห้องพัก จัดการเก็บข้าวของกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อย่างแรกที่ทำคือ หาตั๋วรถกลับในวันรุ่งขึ้น สามารถจองได้จาก ที่พัก แพนส์ เรสซิเดนซ์ (Pan’s Residence) เลยครับ ปรากฏว่าราคาแค่ 50,000 กีบเท่านั้น แต่ทำไมตอนมา 70,000 กีบ ช่างเหอะครับ คิดซะว่าเป็นค่าบริการที่เค้ามารับเราถึงที่พักเพื่อความสบายใจครับ ส่วนตารางเรือออกดอนคอนกลับปากเซ มีแค่วันละเที่ยว ตอนสิบเอ็ดโมงเช้าเท่านั้นครับ
อย่างที่สอง คือ เช่ารถเที่ยวรอบเกาะกัน ป้าเจ้าของที่พักใจดี บอกว่าเช่าบ่ายแล้ว คืนพุ้งนี้ก่อนกลับ คิดราคาวันเดียวพอ ค่าเช่าจักรยานวันละ 15,000 กีบ แต่ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์วันละ 50,000 กีบ พร้อมต้องให้ Passport แก่ป้าคนเช่าด้วย ผมจึงเลือกเช่าจักรยานปั่นออกกำลังกายเพื่อลดความยุ่งยากในการเช่าครับ เสียไป 15,000 กีบ แล้วสบายใจ ได้เวลาเที่ยวกันแล้วครับ
อย่างที่สาม กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หิวมากเลย ต้องกินซะแล้ว ถ้าไม่กิน ลมจับชัวร์ เมนูแนะนำเลย อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัวเลยครับ ปลาราดพริกกับข้าวเปล่าหนิ อร่อยเด็ดมากครับ แกเอาเนื้อปลาแม่น้ำโขง เลาะก้างออก แล้วเอาไปทอดแล้วมาราดพริก สนนราคา 40,000 กีบครับ
อิ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมลุยเที่ยวกันแล้ว ผมขอเอาแผนที่แนะนำที่เที่ยวกันก่อนครับ
สถานที่แรก คือ น้ำตกหลีผี ไฮไลต์ของเราวันนี่ ต้องปั่นผ่านสะพานเชื่อมระหว่างดอนเดช กับดอนคอน พร้อมทั้งเสียค่าเข้าชมน้ำตกที่นี่เลย 25,000 กีบครับ
ระยะทางไป น้ำตกหลีผี จาก ที่พัก แพนส์ เรสซิเดนซ์ (Pan’s Residence) ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร สภาพทางภาพด้านล่างอธิบายได้ชัดมาก
ปั่นมาซักพักจะเจอทางแยกเลี้ยวขวาตามป้ายเลย 400 เมตรก็ถึงทางเข้า น้ำตกหลีผี กันแล้วครับ
ทางเข้าจะมีพนักงานตรวจตั๋วที่เราซื้อมา เดินเข้าไปตามทางจะเจอซุ้มไม้รอรับเราตลอดทางครับ
เดินมาซักพักก็ถึงน้ำตกหลีผี ยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือจริงๆ
เดินชื่นชมความงามน้ำตกมาเรื่อยๆ จะเจอหาดทราย ที่สามารถลงไปเล่นเพลินๆ ได้ครับ
หลังจากเที่ยว น้ำตกหลีผี ได้เหงื่อจากการปั่นจักรยานกันทีเดียว ผมเลยตัดสินใจกลับที่พักกันก่อนครับ นั่งเปลชิวๆ กับบรรยากาศริมแม่น้ำโขง เผลอหลับไปเลย สะดุ้งตื่นอีกทีเกือบสองทุ่ม ดีไม่โดนยุงกัดทั่วตัวซะก่อน เลยเข้าห้องพักนอนเอาแรงเที่ยวต่อวันรุ่งขึ้นก่อนขึ้นเรือกลับปากเซครับ
เดินทางวันที่สาม
วันนี้ตื่นเช้าอีกแล้ว เพื่อจะได้เที่ยวก่อนเดินทางกลับปากเซ เลยตัดสินใจปั่นจักรยานชิวๆ ไปชมวิวริมโขงกันครับ ไกลเอาเรื่องอยู่ครับ ระยะทางจากที่พัก 4 กิโลเมตรครับ
ถ่ายรูปหนำใจกันแล้ว ได้เวลากลับมาขึ้นเรือกันแล้ว เดี๋ยวจะตกเรือซะก่อน
ส่วนเรือมารับค่อนข้างตรงเวลา มาจากดอนเดชเพราะมีนักท่องเที่ยวนั่งเรือมากันแล้วครับ
จากท่าเรือนากะสัง รอนักเที่ยวท่านอื่นๆ กว่าจะมาครบเกือบเที่ยงและ ซึ่งการรอคนที่ยังมาไม่ถึงต้องบอกได้คำเดียวว่าทำใจครับ
ใช้เวลาสองชั่วโมงถึงปากเซ และที่พักของวันนี้ คือที่เดิมที่มาพักสองวันก่อนครับ ผมได้จอง ที่พัก โรงแรมไพดาว (Phi Dao Hotel) ที่ปากเซ Phathana Lakmuang 13 Raod, ถนนหมายเลข 13 ใต้, ปากเซ, ลาว (ดูแผนที่) แต่มารอบนี้ไม่ต้องเสียค่ารถเพิ่มครับ เพราะรถตู้บริการส่งสถานีสุดท้ายที่โรงแรมลานคำ ซึ่งใกล้กับ ที่พัก โรงแรมไพดาว (Phi Dao Hotel) โดยมากครับ
เก็บข้าวของเข้าที่พัก ได้เวลาตะลอนทัวร์ เริ่มด้วยการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่รอบเมือง ค่าเช่าวันละ 50,000 กีบ คิดเวลาคืน 24 ชั่วโมง เช่น วันนี้เช่าตอนบ่ายสามโมง คืนบ่ายสามโมงวันรุ่งขึ้นครับ บวกกับค่าน้ำมันเต็มถังเพราะทางร้านจะไม่เติมน้ำมันให้ ค่าน้ำมันอีก 30,000 กีบโดยประมาณ เช่าเรียบร้อย ผมวางแผนวันนี้จะไปตะลอนเที่ยวน้ำตก แล้ววันพรุ่งนี้จะไปเที่ยววัดพู
ตอนแรกคิดว่าจะดีและเชียวแดดไม่ร้อนด้วย แต่แผนที่วางไว้พังไม่เป็นท่าเลย เนื่องจากเกิดฝนตกเข้า ดีที่ผมไหวตัวทันรีบทำรถกลับที่พักก่อนจะเป็นลูกหมามอมแมมซะก่อน T T
โชคดีหน่อยฝนหยุดตกเร็วหน่อย เลยได้ออกมาตะลอนริมโขงแทน ร้านทีเดดอีกหนึ่งร้านที่มีชื่อเสียงย่านนี้ ต้องร้านนี้เลยครับ ร้านลูกชายหล้า ริมน้ำโขง ขับมาไกลซักนิด สังเกตุง่ายๆ จะอยู่เลยร้าน Thiphachanh มานิดนึงครับ จะมีร้านขวามือที่มีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เยอะที่สุด จอดเลยครับไม่ผิดร้านแน่นอน เพราะร้านที่มีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เยอะที่สุด ชื่อร้านแซบๆ ครับ ผมหลงเข้าไปมาแล้ว ดีนะไหวตัวทัน ร้านลูกชายหล้า จะอยู่ถัดมาจากร้านแซบๆ ครับ
บรรยากาศดี เพลงแจ่มมาก ผมนั่งกินเสร็จก็กลับที่พักนอนเตรียมตัวตะลุยเที่ยวรุ่งขึ้นครับ
เดินทางวันที่สี่
เนื่องด้วยวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายก่อนจะกลับไปที่อุบลราชธานี ผมเลยตั้งใจตื่นแต่เช้า ออกตะลอนเทียวเพราะเมื่อวานเจอฝน ทำผิดแผนมาก ก่อนออกร่วมเดินทางผมเอาแผนที่เที่ยวมาอธิบายโปรแกรมกันก่อนครับ
สถานที่แรก คือ น้ำตกผาส้วม เดินทางจากที่พักมาทางขวา ตรงแบบไม่ต้องเลี้ยว เพราะมันคือถนนหมายเลข 23 ขับมาได้ประมาณหลัก 20 แล้วแยกซ้ายเข้าถนนหมายเลข 20 ประมาณสิบห้ากิโลเมตร เข้าสู่อุทยานแห่งชาติบาเจียง สังเกตุง่ายๆคือข้ามสะพานแคบๆ มาก่อน จะเจอทางโค้ง เลยทางโค้งมานิดเดียว
จะเจอแยกเข้าน้ำตกมาประมาณ 2 กิโลเมตรครับ
ค่าตั๋วเข้าชมน้ำตก 7,000 กับครับ
จากประตูทางเข้า จะมีที่จอดรถทางซ้ายมือ เดินข้ามสะพานจะเจอร้านอาหารอยู่ซ้ายมือครับ
ผมเลยไม่รอช้าตัดสินใจสั่งอาหารเช้ามากินท่ามกลางบรรยากาศ น้ำตกผาส้วม ชิวมากๆ
กินข้าวเสร็จแล้ว มาชมวิวน้ำตกกันแบบจุใจเลยครับ
สถานที่สอง คือ น้ำตกตาดเยื้อง จากถนนหมายเลข 23 ขับมาได้ประมาณหลัก 40 แล้วแยกขวาเข้าสู่อุทยานแห่งชาติบาเจียง เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ค่าเข้าชม 13,000 กีบครับ
เดินทางเที่ยวกันเรียบร้อย ได้เวลากลับไปอุบลราชธานี เดินทางไปตลาดดาวเรือง เสียค่ารถ 60 บาทครับ
มีรถตู้บริการจากตลาดดาวเรืองไปช่องเม็ก แต่ต้องรอให้เต็ม ค่าโดยสาร 100 บาท ตอนบ่ายๆ รอนานมาก ยืนยันครับ ถ้าจะเหมา 700-800 บาท ไปคนเดียว แต่อาจจะต้องทำใจ คนขับอาจขอแวะรับคนระหว่างทางได้ครับ
ถึงด่านช่องเม็ก อย่าลืมแวะซื้อกาแฟดาวเรือง ของฝากขึ้นชื่อของประเทศลาว ที่ Duty Free นะครับ มี หลายรสชาติ หลายขนาด รสชาติดีทีเดียว ซื้อของฝากกันแล้ว ต้องเสียค่าธรรมเนียมฝั่งลาว 50 บาท สำหรับเอกสารขาออกประเทศ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าตอนเข้าประเทศที่ผมโดนเรียกไป 100 บาท โดนหลอกแน่นอนครับ > <
ในที่สุดก็ข้ามมาฝั่งประเทศไทย เสียค่าจ้างรถรับจ้าง 20 บาท ไปสถานีขนส่งช่องเม็ก แล้วใช้บริการรถตู้โดยสารกลับจังหวัดอุบลราชธานี โดยค่าตั๋ว 100 บาทครับ
ที่พักของเราวันนี้ ผมได้จอง ที่พัก โรงแรมเดอะราชธานี (The Ratchathani Hotel)
297 ถนน เขื่อนธานี, ตัวเมืองอุบลราชธานี, อุบลราชธานี, ไทย 34000 (ดูแผนที่)
เดินทางวันที่ห้า (วันสุดท้าย)
งานเลี้ยงยังมีวันเลิกลา วันลาพักร้อนก็หมดจนได้ ต้องเดินทางกลับ กรุงเทพ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เวลา 09.15 น. เดินทางจากโรงแรมโดยเรียกแท๊กซี่บริการดีอุบล เบอร์ติดต่อ 045-317-777 ส่วนตัวผมว่าบริการดีมาก รถเยอะและมารับเร็วมากครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าอ่านกันนะครับ ส่วนทริปต่อไปจะเดินทางไปไหนกัน ติดตามชมเพิ่มเติมกันได้ที่
Facebook : http://www.facebook.com/TeawMuN