เที่ยวต่างประเทศ

เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง

เที่ยวสิงคโปร์ ด้วยตัวเอง

การเดินทางวันแรก

ทริปครั้งนี้จองตั๋ว Jetstar พร้อมวางแผนท่องเที่ยวไว้แล้วครับ ค่าตั๋วไปกลับ 3,772 บาทครับ เที่ยวบินขาไป 09.15-12.40 เที่ยวบินขากลับ 19.10-20.35 ครับ แบบไม่โหลดกระเป๋าทั้งไปและกลับครับ ถ้าโหลดกระเป๋าเสียเพิ่ม 350 บาท (15 กก.) และ 500 บาท (20 กก.) ต่อเที่ยวบินครับ ถ้าโหลดไปกลับง่ายๆ เอาราคาคูณสองแล้วบวกกับค่าตั๋วจากราคาที่ผมระบุไว้ครับ ^^

เนื่องจากจองตั๋วไปรอบเช้า เลยต้องตื่นแต่เช้าหน่อยครับ ถึงสนามบินก่อนเครื่องออกสองชั่วโมงจะเป็นการปลอดภัยที่สุดครับ ระหว่างเดินทางบนเครื่องต้องกรอกเอกสารตรวจคนเข้าเมือง

กรอกเสร็จหลับตลอดทางเลยครับ อาจจะเป็นเพราะตื่นเช้าไปหน่อย แต่ในที่สุดก็ถึงสนามบินชางฮี อย่างปลอดภัยครับ

จากที่ผมไปสิงคโปร์มาก็หลายรอบแล้ว ขอแนะนำแผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินภายในประเทศสิงคโปร์

ที่พักในสิงคโปร์ในหัวข้อนี้เลยนะครับ ส่วนที่พักให้บริการจอง agoda เจ้าเดิมเลยครับ

โรงแรมแรก Fragrance Hotel – Sapphire (Double Superior) ราคา 1,980 บาทต่อคื การเดินทางมาโรงแรม Fragrance Hotel สำหรับสายการบิน Jetstar Airasia จะลง Terminal 1 ให้เดินขึ้น Skytrain ไป Terminal 2 เพื่อขึ้นรถไฟฟ้า MRT Changi Airport ไปลงสถานี EW4 – Tahan Merah แล้วต่อไปลง EW9 – Aljunied เดินออกทาง Exit A หรือ B ก็ได้ ไปที่ป้ายรถเมล์ Aljunied Road รหัสป้ายรถเมล์ 81089 แล้วขึ้นสาย 62/63/80/100/158 เมื่อรถเริ่มเลี้ยวขวา (ตอนนี้เข้าสู่ ถนน Geylang แล้ว) ให้สังเกตทางซ้ายมือว่า Lor ที่เท่าไหร่แล้ว ประมาณ lor 14 ก็เตรียมตัวลง ป้ายอยู่ lor 10 พอดี เลี้ยวเข้าซอย โรงแรมอยู่ซ้ายมือใหม่มากครับ

โรงแรมที่สอง แพงมาอีกนิด แต่รับประกันคุณภาพครับ Victoria Hotel (Double Superior) ราคา 2,500 บาทต่อคืนการเดินทางมาโรงแรม Victoria Hotel สำหรับสายการบิน Jetstar Airasia จะลง Terminal 1 ให้เดินขึ้น Skytrain ไป Terminal 2 เพื่อขึ้นรถไฟฟ้า MRT Changi Airport ไปลงสถานี EW4 – Tahan Merah แล้วต่อไปลง EW8 CC9 – Paya Labar แล้วต่อไปลง CC2 – Bras Basah เดินออกทาง Exit A เลี้ยวซ้ายถนน Victoria ผ่าน มหาวิทยาลัย SMU ไปนิดนึง จะเจอทางเข้าโรงแรมครับ อยู่ติดเซเว่นเลยครับ

โปรแกรมแรกวันนี้ MountFaber ครับ เดินทางมาลงสถานี สถานี MRT HarbourFront Exit D (NE1, CC29) Bus 419 From B14119 > B14451 เพื่อขึ้น Mount Faber Cable Car แต่อาจรอนานหน่อยครับ แต่ถ้านานมาก แท๊กซี่ได้เลยครับ ประมาณ ไม่เกิน 5 เหรียญ ถ้่าไปหลายคนก้อโอเคอยู่ครับ

โปรแกรมที่สองคือ Singapore Cable Car ส่วนค่าตั๋วรอบเดียว 27 เหรียญ ไปกลับ 29 เหรียญ ครับ ผมนั่งไป Sentosa Island แล้วย้อนกลับมา Harbour Front ครับ

พอนั่ง Cable Car มาสมใจแล้วมาลงที่สถานี HarbourFront โปรแกรมต่อไป Henderson Wave Bridge จากการค้นหาข้อมูลก่อนเดินทาง ลายแทงทั่วไป แนะนำให้ผมขึ้นรถเมล์สาย 100 จาก Vivo City พอเลี้ยวขวาตรงถนน Henderson ในลงตรงป้ายที่สอง จะถึงทางขึ้น Henderson Bridge พอดี แต่เป็นโชคดีของผมเล็กน้อยที่ไปเจอข้อมูลเพิ่มเติม เลยอยากให้เครดิตเจ้าของเว็บแนะนำการเดินทางหน่อยครับ http://www.bowrainbow.com/?p=504 ผมเลยเอาแผนที่มาแนะนำให้ครับ

เริ่มจากเส้นสีเขียวนั่งรถเมล์สาย 100 จากหน้าห้าง Vivo และลงตรงป้าย Alexandra Arch (จุดเริ่มต้นของเส้นสีฟ้า) แล้วเริ่มเดินป่าด้วยสะพานลอยสูงเหนือยอดไม้ไปประมาณสองกิโลเมตรกว่า ๆ จะถึง Henderson Wave Bridge แล้วกลับด้วยรถเมล์สาย 145 (เส้นสีชมพู) มาลง สถานี MRT HarbourFront

แต่ถ้าใครอยากไปแบบง่ายก็นั่ง 145 ไปตามเส้นทางสีชมพู ตั้งแต่แรก ก็ไปถึง สะพาน Henderson ได้

ผมเลยตัดสินใจนั่งสาย 145 ดีกว่า เพราะระยะเวลาการเดินทางค่อนข้างจำกัด อีกทั้งเนื่องจาก Alexandra Arch จะเปลี่ยนสีเฉพาะตอนกลางคืน ใครไปเที่ยวตอนกลางคืนแล้วอยากเดินชิวๆ แนะนำสาย 100 ครับ โอกาสหน้าผมต้องมากลางคืนอีกรอบแน่นอนครับ ^^

หรือถ้าพยายามเดินหน่อย สามารถเดินจาก Mount Faber มาได้เหมือนกัน ก็จะประหยัดค่ากระเช้า 2 เหรียญ แล้วค่ารถเมล์นั่งมาที่นี่อีกครับ ^^

หลังจากเดินถ่ายรูปกันพักใหญ่ นั่งรถเมล์กลับมาที่ Vivo City ห้าโมงครึ่งแล้ว เวลายังเหลือเผือ ผมเลยตัดสินใจไปตาม Merlion แห่งที่สอง ที่ Merlion Park เดินทางมา สถานี MRT City Hall แล้วเปลี่ยนสายรถไฟฟ้ามาลงสถานี  MRT Bayfront ไปลง MRT Raffales Place ทางออก C เดินข้ามถนนเลาะริม Marina Bay ไกลกว่านิดแต่วิวแจ่มกว่าครับ

ถ่ายรูปบริเวณนี้ เริ่มจะมืดแล้ว เดินทางกับต่อดีกว่า โปรแกรมต่อไป Singapore Flyer สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี MRT Promenade Exit A เดินมาตามป้ายบอกทางเลยครับ เอาแผนที่มาฝากจะได้เข้าใจมากขึ้นครับ

ถึงแล้ว Singapore Flyer เผลอแปบเดียวมืดซะและ ทุ่มนิดๆ เอง ต้องทำเวลากันหน่อยแล้ว เดี๋ยวจะไปดู Fountain of Wealth ไม่ทันซะก่อน ส่วนค่าเข้าชม 33 ดอลล่าสิงคโปร์ครับ ^^

ระหว่างทางขึ้นมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก เดินมาได้ซักพักใหญ่ๆ เดินทางมาถึงจุดขึ้นแคปซูลแล้ว ถ่ายรูปกันอย่างมาวมันเพื่อให้คุ้มกับค่าขึ้นหน่อยครับ ^^

หลังจากอยู่ภายในแคปซูลสามสิบนาที เดินมาทางออกเจอร้านขายของที่ระลึกเลยถ่ายรูปมาฝากครับ

และโปรแกรมต่อไป คือ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง หรือ Fountain of Wealth ซึ่งการแสดง ในตอนกลางคืนจะมีการแสดงแสง Laser พร้อมกับเสียงดนตรีที่น้ำพุ มีอยู่ด้วยกัน 3 รอบครับ 20.00 น, 20.30 น, 21.00 น

ซึ่งการเดินทางสามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี MRT Esplanade หรือหากถ้ามีเวลาหน่อยสามารถลงสถานี MRT City Hall แล้วเดินตามทางเดินใต้ดิน หรือ City Link Mall ซึ่งมีร้านค้าให้เลือกช๊อปปิ้งมากมายครับ รวมถึงร้าน Charles& Keith ร้านยอดนิยมของสาวช๊อปปิ้งไทยครับ

ซึ่งมาถึงทันรอดูการแสดงรอบสามทุ่มพอดีเลยครับ ซึ่งเลเซอร์ที่แสดงสามารถเขียนข้อความคำพูดคำอวยพรต่างๆ ซึ่งจะปรากฏขึ้นเป็นข้อความเลเซอร์ระหว่างการแสดงด้วยครับ แต่ก่อนการแสดงไหนก็มาแล้ว ขอเดินวนน้ำพุ 3 รอบ เพื่อความเป็นสิริมงคลกันซักหน่อยครับ ^^

พอถ่ายภาพและชมการแสดงแบบหนำใจ แถมโชคดีเจอคนไทยคนนึงเป็นหมอที่เืมืองไทย ชอบมาถ่ายรูปและเที่ยวที่สิงคโปร์มาก เค้าเลยแนะนำว่าให้เดินไป Marina Bay เดินไปไม่ไกลมาก ดูเวลายังไม่ดึกมาก รีบกลับก็ไม่คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินสิ ^^

ผมเลยตัดสินใจเดินทางต่อไป Marina Bay ตามคำแนะนำ ผมยึดหลักการเดินง่ายๆครับ เห็นเข้าหาโรงแรมเรือยังไงก็เจอ Marina Bay จากน้ำพุเดินมาทางขวาข้ามถนนแล้วเดินไปตามทางเท้า แวะถ่ายรูปไปแบบชิวๆ

พอถ่ายรูปเสร็จแล้วบริเวณก่อนหน้านี้ยังไม่หนำใจ ผมเลยตัดสินใจเดินไปสะพาน Helix เลยนำแผนที่ท่องเที่ยวบริเวณ Marina Bay มาฝากเผื่อท่านใดสนใจครับ

เดินถึงทางเข้าสะพาน Helix แค่ทางเข้าก็ประดับไฟสวยแล้ว ถ่ายรูปเพลินกันเลยทีเดียว

เดินทางมาสุดสะพาน Helix แล้วจะเจอสวนสาธารณะ และร้านขายสินค้า Louis Vuitton ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียก็ว่าได้ครับ เดินมาทั้งวันเริ่มเมื่อยเลยนั่งพักเอาแรงชมวิวกันหน่อยก็ไม่เลวครับ

โชคดีของที่ผมเดินทางไปดูการแสดง Light & Sound บริเวณ Marina Bay ทันเวลาเลยครับ โชคดีวันที่ไปเป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่มีการแสดงรอบดึกเลยนำรูปสวยๆ มาฝากกัน ^^

ซึ่งการแสดง Light & Sound บริเวณ Marina Bay จะมีการแสดงทุกวัน รอบ 20.30 และ 21.30 น. และรอบพิเศษ 23.00 น. เฉพาะทุกวันศุกร์ และวันเสาร์ ครับ

พอนั่งดูการแสดงจบ เดินผ่านห้างบริเวณ Marina Bay เพื่อเดินไปขึ้นสถานี MRT ฺBay Front ที่เพิ่งเปิดให้บริการใหม่ๆ ไม่ต้องลำบากเดินไกลเหมือนเดิมแล้ว เลยมีเวลาถ่ายรูปมาให้รูปมาให้ชมกันต่อ

เดินทางกันจนเหนื่อยมากแล้วสำหรับวันนี้ ถึงเวลากลับโรงแรมพักผ่อนอาบน้ำหลับสบายเลยทีเดียว

เดินทางวันที่สอง

เดินทางวันนี้โปรแกรมของผม จะอยู่ที่ เกาะ Sentosa ทั้งวันเลย แต่กว่าจะตื่นอาบน้ำออกจากที่พักก็เกือบเก้าโมงแล้ว อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการเที่ยววันก่อน ^^

การเดินทางมาเกาะ Sentosa เริ่มต้นด้วยการมาลงสถานี MRT Harbour Front แล้วเดินขึ้น Vivo City มาที่ชั้น 3 จะเจอกับช่องจำหน่ายตั๋วรถรางไป Sentosa ซึ่งหากให้บัตร Ez-Link สามารถเดินเข้าไปได้เลยครับ สะดวกจริงๆครับบัตรนี้

ก่อนจะเดินทางวันนี้ผมเลยเอาแผนที่เกาะ Sentosa มาฝากให้ดูกันก่อน ซึ่งสถานีรถรางมี 3 สถานี ประกอบด้วย 1. Water Front Station ลงเที่ยว Universal Studio Singapore (USS) 2. Imbiah Station ลงเที่ยว Merlion จุดสุดท้าย และ 3. Beach Station ชมการแสดง Song of the sea

ลงรถรางสถานี Water Front เพื่อเที่ยวจุดแรกวันนี้ Universal Studio Singapore (USS) ^^

เริ่มต้นแนะนำเบื้องต้นด้วยแผนที่ก่อนครับ ซึ่งภายในจะแบ่งเป็นทั้งหมด 7 โซน ประกอบด้วย โซน 1 Hollywood อยู่บริเวณทางเข้า แล้ววนไปทางซ้ายจะพบกับ โซน 2 Madagasga ผ่าน โซน 3 Far Far Away ผ่าน โซน 4 Lost world ผ่าน โซน 5 Ancient Egypt ผ่้านโซน 6 Sci-Fi City และโซนสุดท้าย New York

แนะนำแผนที่ท่องเที่ยวภายในกันแล้ว มาแนะนำตั๋วเข้าชม USS กันบ้าง ดูได้ตามตารางข้างล่างเลย


วันที่ผมไปพอดีตรงกับวันอาทิตย์เลยโดนไปซะ 74 ดอลล่าร์สิงคโปร์ เป็นเงินไทยประมาณ 3,600 บาท ทำไงได้ถึงสิงคโปร์แล้วไม่เข้า USS เหมือนมาไม่ถึงสิงคโปร์ครับ

โซนแรก Hollywood จะอยู่บริเวณทางเข้า จะมีการแสดง Street Show และ ร้านขายของที่ระลึก

ถ่ายรูปโซนนี้หนำใจกันแล้ว ได้เวลาดูการแสดง Pantages Hollywood Theater featuring Monster Rock ซึ่งมีการแสดง 4 รอบ ได้แก่ 11.00 น. 13.15 น. 15.30 น. และ 17.30 น. การแสดงไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปเลยเอารูปโปรโมตมาให้ดูคร่าวๆครับ

ดูการแสดงเสร็จ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จากที่หาข้อมูลมาก่อนมาเที่ยวครั้งนี้ เค้าจะวนไปทางซ้ายหรือเดินตามเข็มนาฬิกา เพราะจะทะยอยดูการแสดงครบ แล้วถึงจะสนุกกับเครื่องเล่น

โซน Madagascar มีการนั่งเรือดูการแสดง A Crate of Adventure พอดีผมไปเจอคลิปใน Youtube เลยเอามาลงเผื่อท่านใดชมภาพแล้วไม่สะใจครับ

[youtube http://www.youtube.com/watch?v=1PoVIqJlF2o?rel=0]

โซน Far Far Away มีการแสดง 4D-Shrek เป็นจุดแรกที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง การแสดงจะมีทุกๆ ครึ่่งชั่วโมง แต่คิวจะยาวนิดหน่อย ของดีต้องอดใจรออีกนิดครับ

[youtube http://www.youtube.com/watch?v=z0Ya1OuemM0?rel=0]

หลังจากการแสดงเสร็จ ถึงเวลาถ่ายรูปให้เพลินใจกันแล้วครับ เลยลงรูปภายในและภายนอกให้ชม ^^

โซน Lost world จะมีการแสดง Water World ซึ่งเป็นจุดที่สองที่ห้ามพลาด ซึ่งรอบการแสดงจะมี 3 รอบ 12.30 น. 15.30 น. 17.30 น. ซึ่งที่นั่งจะมีการแบ่งโซนไว้ชัดเจนว่าท่านอยากเปียกน้ำมากแค่ไหน รับประกันความสนุกครับสำหรับการแสดงนี้

จุดต่อไปในโซนเดียวกัน คือ Jurassic Park บริเวณจะมีเครื่องเล่น 2 อย่าง ต้องออกตัวก่อนว่าสองอย่างผมไม่ไ้ด้เล่นครับ เนื่องจากตอนนั้นหิวมาก และเวลาจำกัดด้วยครับ เลยเอาคลิปใน Youtube มาฝากให้ครับ

คลิปแรกเป็น Jurassic Park Rapids Adventure อารมณ์คล้ายๆเล่น แกรนแคนย่อน ที่ดรีมเวิลด์

[youtube http://www.youtube.com/watch?v=_Bt7AqWIOAc?rel=0]

คลิปที่สองเป็น Canopy Flyer

[youtube http://www.youtube.com/watch?v=v9Ca_OOO5Ew?rel=0]

โซน Ancient Egypt มีเครื่องเล่น Revenge of the mummy ซึ่งเป็นจุดที่สามที่ห้ามพลาดครับ เครื่องเล่นนี้งดห้ามนำกล้องถ่ายรูปทุกประเภทเข้าไปข้างในครับ แต่ถ้าพกเค้าไปถ่ายรูปภายในก็ได้ครับ แต่พอถึงเครื่องเล่นจะโดนไล่ออกมาเก็บกล้องใน Locker ที่ได้จัดเตรียมไว้ครับ แต่ถ้ากล้องขนาดเล็กแล้วสามารถพกใส่กระเป๋ากางเกงได้โดยไม่ต้องกลัวหล่น ระบบเซฟตี้สุดยอดมากครับ ^^

หลังจากเล่นเครื่องเล่นเสร็จแล้ว ได้เวลาถ่ายรูปกันแล้ว อิอิ

โซน Sci-Fi City โซนนี้เป็นโซนเครื่องเล่น 3 ประเภท ด้วยกัน

เริ่มต้นด้วย Battlestar Galactica: HUMAN vs. CYLON ซึ่งเป็นจุดที่สี่ที่ห้ามพลาด ต้องลองเล่น

HUMAN หรือ สายสีแดง เป็นรถไฟเหาะ ที่มีรองรับขา แต่รับรองความมันส์และความหวาดเสียว

CYLON หรือ สายสีน้ำเงิน ใครที่เล่นสีแดงมาแล้ว หวาดเสียวไม่หนำใจ มาเจอสีน้ำเงิน แบบห้อยขา และมีเส้นทางตีลังกา 360 องศา ความมันส์และความหวาดเสียวคูณ 2 แน่นอนครับ ^^

เครื่องเล่นที่สอง Accelerator ผมถ่ายรูปทางเข้ามาฝากให้อย่างเดียวครับ เพราะเจอเครื่องเล่นแรก ทั้งสีแดง และสีน้ำเงิน ก็มึนหัวแบบไม่อยากเล่นอะไรต่อแล้วกันเลยทีเดียว

เครื่องเล่นสุดท้าย เป็นตัวที่เพิ่งกำลังจะเปิดใหม่ TRANSFORMERS The Ride: The Ultimate 3D Battle ตอนที่ผมไปยังไม่เสร็จดี อดเล่นเลย T T แต่ถ้าเปิดแล้ว จะเป็นจุดที่ห้า ที่ห้ามพลาดเช่นกัน

โซน New York เป็นโซนสุดท้ายแล้วครับ โซนนี้มีการแสดง Lights, Camera, Action และ การแสดง The Rockafellas หรือการเต้น B-Boy นี่เอง

พอออกจาก Universal Studio Singapore แล้ว ถึงเวลาตามหา Merlion ตัวสุดท้ายบริเวณสถานีรถราง Water Front Station จะมีทางเดินไป Imbiah Station โดยมีทางเดินเชื่อมถึงกัน ไม่ไกลมาก

ในที่สุดเดินมาซักพักยังไม่ทันเหนื่อยก็เห็น Merlion จุดสุดท้ายแล้วครับ ^^

บริเวณ สถานี Imbiah Station นอกจาก Merlion ยังมีกิจกรรมให้เล่นมากมาย

Images of Singapore

Megazip Advanture Park

การแสดง 3 มิติ และ 4 มิติ

Skyline Luge Sentosa

Tiger Sky Tower

แต่ผมไม่ได้เล่นซักกะอย่างเลย เพิ่งมารู้ตอนมาถึงนี่แหละ เลยทำได้แค่ขึ้นไปถ่ายรูปข้างบนแล้วก็ไปรอดู Song of the sea

หลังจากแนะนำที่เที่ยวบริเวณ Imbiah Lookout ถึงเวลาที่รอคอยการแสดง Song of the sea กันแล้ว อยู่บริเวณสถานี Beach Station ซึ่งมีการแสดงทุกวันเวลา 19.40 20.40 และมีรอบพิเศษเพิ่ม 21.40 ทุกวันเสาร์ ราคาตั๋ว 10 S$ และราคาตั๋ว Premium Seats 15 S$ แต่ต้องจองล่วงหน้าครับ

เที่ยวเสร็จแล้ว ได้เวลาช๊อปปิ้งยามค่ำคืนที่พลาดไม่ได้ คือ Mustafa Center ของบอกที่นี่มีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบจริงๆ ส่วนราคาต้องแล้วแต่ความตาถึงของแต่ละคน แล้วที่สำคัญห้างนี้เปิด 24 ชั่วโมง ส่วนการเดินทางสามารถลงสถานี MRT Farrer Park หรือ สถานี MRT Little India แล้วเดินหาครับ เพราะมีหลายอาคารไม่เหมือนห้างบ้านเรา และแต่ละอาคารของขายจะแยกกันชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำหอม โทรศัพท์มือถือ ยารักษาโรค

แนะนำใกล้สุดออก MRT Farrer Park ทางออก A เดินตามเส้นสีแดงก็จะเจอครับ แต่ท่านใดมาเพื่อซื้อน้ำหอม ต้องเดินมาตามเส้นสีเขียวต่ออีกหน่อยครับ

จบโปรแกรมวันนี้เท่านี้ครับ เหนื่อยมากมายเลย ได้เวลาอาบน้ำพักผ่อนหลับเอาแรงเที่ยวต่อ ^^

เดินทางวันที่สาม

เนื่องจากวันนี้เป็นการเดินทางวันสุดท้ายและโดนจำกัดเวลาต้องไปขึ้นเครื่องตอน 19.10 น. ฉะนั้นต้องถึงสนามบินก่อนตามธรรมเนียม 2 ชั่วโมง แต่โปรแกรมวันนี้เที่ยวไม่เยอะมาก เพราะอยากตื่นสายโปรแกรมวันนี้คือ Marina Bay Sand Hotel ช๊อปปิ้งหาของฝาก แล้วกลับไปสนามบินให้ทันเวลา

สถานที่แรก คือ Marina Bay Sand Hotel มาได้โดยมาลงสถานี MRT Bay Front ราคาตั๋วผู้ใหญ่ 20 S$ เด็ก 14 S$ คนอายุเกิน 65 ปี 17 S$ เปิดเข้าชมตั้งแต่ 9.30 – 22.00 น. สำหรับวันจันทร์ – พฤหัสบดี และ 9.30 – 23.00 น. สำหรับวันศุกร์ – อาทิตย์

สถานที่สอง คือ ช๊อปปิ้งย่านไชนาทาวน์ มาได้โดยมาลงสถานี MRT China Town เดินขึ้นมาจากสถานีก็เจอเลยครับ ขอแนะนำให้ซื้อของฝากและของกระจุ๊กกระจิกที่นี่เลยครับ เพราะถ้าไปซื้อที่อื่นแพงกว่าที่นี่แน่นอนรับประกันครับ

สถานที่สาม คือ วัดพระเขี้ยวแก้ว บริเวณ สถานี MRT China Town วัดนี้ไม่เสียค่าตั๋วเข้าชม แล้วเปิดตั้งแต่ 7:00-19:00 น. ทุกวันครับ

ครบโปรแกรมที่วางไว้ และแล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เดินทางสู่กรุงเทพโดยสวัสดิภาพ ^^

ส่วนทริปต่อไปจะเดินทางไปไหนกัน ติดตามชมเพิ่มเติมกันได้ที่

Facebook : http://www.facebook.com/TeawMuNDotCom

หน้าแรกเว็บ

แสดงความคิดเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.