เที่ยวภูเก็ตด้วยตัวเอง
วางแผนเดินทางกันก่อน
แผนการเดินทาง ครั้งนี้ผมเลยวางแผนเทียวภูเก็ตสามวันสองคืนชิวๆ เริ่มต้นเดินทางไป วัดพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี วัดฉลอง หาดราไวย์ แล้วปิดท้ายด้วยเที่ยวแหลมพรหมเทพ สำหรับที่พัก โรงแรม Marq ส่วนเรื่องเที่ยวและการเดินทางของผมมาติดตามกันเลยครับ
การเดินทางวันแรก
การเดินทางรอบนี้ได้ตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก ของ airasiago ประมาณ 1,996 บาท ถูกอีกแล้ว ไหนๆก็ไม่เคยมาเที่ยวภูเก็ตเลย จัดเลยครับ วันนี้ผมใช้บริการสายการบินแอร์เอเชีย ออกจากสนามบินดอนเมือง 14.40 น.
มาถึงจังหวัดภูเก็ต 16.00 น. ซึ่งสนามบินอยู่ติดทะเล วิวตอนบินลงเลยเห็นเกาะแก่งสวยทีเดียวครับ
การเดินทางเข้าเมืองภูเก็ต เลือกใช้บริการ Phuket Airport Bus Express (Airport-Patong-Kata) ค่าโดยสารจากสนามบินไปป่าตอง 120 บาท
เส้นทางเดินรถดูจากแผนที่ด้านล่างครับ
แต่ถ้าใช้บริการแท๊กซี่จาก ที่พัก โรงแรม Marq จะได้ราคา 700 บาท ซึ่งค่อนข้างแพงทีเดียว
ซึ่งที่พักของเราวันนี้ได้แก่ ที่พัก โรงแรม Marq 78/4 Soi Nanai 8, ป่าตอง, ภูเก็ต, ไทย 83150 (ดูแผนที่)
ค่าห้องถ้าจองแยกกับโรงแรมประมาณ 600 บาท ถ้าจองผ่าน Agoda จะราคาประมาณ 500 บาท คลิกลิ้งด้านล่างได้เลยครับ
หลังจากเก็บข้าวของกันแล้ว ออกหารถจักรยานยนต์เช่า แต่ปรากฏว่าเจอเหตุการณ์ที่ทำให้แผนวันนี้ล้มไม่เป็นท่า คือ ร้านเช่าส่วนใหญ่ต้องใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ในการเช่าเท่านั้น ผมไม่ได้คิดหยิบบัตรเลยอดเที่ยววันแรก นอนแง่วแต่ในห้องชิวไปอีกแบบครับ เลยถ่ายรูปห้องพักมาฝากกันครับ
การเดินทางวันที่สอง
เนื่องจากการเดินทางวันแรกล้มไม่เป็นท่า วันที่สองเลยจัดหนักหารถเช่าพร้อมคนขับซะเลย ซึ่งโชคดีมากเจอคนคุยถูกคอเลย นัดแนะโปรแกรมมาเราไป วัดพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี วัดฉลอง หาดราไวย์ แล้วปิดท้ายด้วยเที่ยวแหลมพรหมเทพ ซึ่งเราได้ราคา 1,800 บาท รวมน้ำมันกับการเที่ยวทั้งวัน ค่อนข้างคุ้มทีเดียว เพราะถ้าเช่ารถขับเอง ก็ 1,200-1,500 บาท ไหนจะค่าน้ำมันอีก แต่เงื่อนไขของรถเช่าพร้อมคนขับมีแค่อย่างเดียว คือ ขอแวะร้านค้าขายของฝาก กับร้านค้าขายงานฝีมือ ซึ่งเราจะซื้อหรือไม่ก็ได้ แต่คนขับจะได้คูปองกับทางร้านไว้เติมน้ำมันครับ ซึ่งผมก็ยอมครับ ถือว่าเป็นการเดินเที่ยวดูของเป็นของแถมเพื่อความสบายใจครับ
เบอร์ติดต่อ 081-079-5045 คุณแจ๊กกี้นะครับ
ระหว่างเดินทางขึ้นไปเที่ยววัด ได้แวะชิวๆ ชมวิวทะเลบนยอดเขา กินอาหารเช้า ที่ร้านแลเล บรรยากาศสวยมากเลยครับ
โปรแกรมเดินทางแรก คือ วัดพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี พระใหญ่เมืองภูเก็ต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปแบบร่วมสมัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๒๕.๔๕ เมตร ความสูง ๔๕ เมตร โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับผิวด้วยหินอ่อนหยกขาว “สุริยกันต”(สุริยกันตะ) จากพม่า น้ำหนักเฉพาะหินอ่อน หยกขาวประมาณ ๑๓๕ ตัน หรือประมาณ ๒,๕๐๐ ตารางเมตร ประดิษฐาน ณ บนยอดเขานาคเกิด ตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
ซึ่งต่อมาก็ได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ว่า “พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี” พร้อมตราตั้งให้เป็นพระพุทธรูปประจำเมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๑ โดยนายสุพร วนิชกุล ประธานดำเนินการจัดสร้างเป็นผู้รับนมัสการสนองพระเดชพระคุณ
- See more at: http://www.mingmongkolphuket.com/index.php
สถานที่ตั้งพระใหญ่ ณ ยอดเขานาคเกิด ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต
จากตัวเมือง ถนนเจ้าฟ้านอก เลยวัดฉลอง 800 เมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยยอดเสน่ห์ หากมาจากจากวงเวียนห้าแยกฉลอง ถนนเจ้าฟ้านอก ระยะทาง 1 ก.ม. เลี้ยวซ้ายเข้าซอยยอดเสน่ห์ (ระยะทางขึ้นเขา 6 ก.ม.) ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โปรแกรมที่สอง คือ วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม ตั้งอยู่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ห่างจากอำเภอเมืองภูเก็ต ระยะทาง 8 กิโลเมตร ทางหลวงหมายเลข 4021 ผ่านสนามกีฬาสุระกุล เลี้ยวซ้ายไปห้าแยกฉลองสมัยรัชกาลที่ 5 พระครูวิสุทธิวงศาจาริย์ญาณมุนี (หลวงพ่อแช่ม) เป็นเจ้าอาวาส มีชื่อเสียงการปรุงสมุนไพร และรักษาโรค เข้าเฝือกผู้ป่วยกระดูกหัก ปัจจุบันพระครูวิสุทธิวงศาจาริย์ญาณมุนี ได้มรณภาพแล้ว
เจ้าอาวาสวัดสัมโพธิหาร (วัดสัมโพธิหาร เดิมชื่อ วัดป่าอรัญนิรมล ประเทศศรีลังกา) ได้กล่าวว่า พระบรมสารีริกธาตุที่ได้มอบให้วัดไชยธาราราม เคยอยู่ในเจดีย์ของเมืองอนุราชปุระ เมืองหลวงเดิมของศรีลังกา มีอายุกว่า 2,200 ปี มาแล้ว
วโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 72 พรรษา พระเถระชั้นผู้ใหญ่ของศรีลังกาคือ พระปิยะทัสสะ นายะกะเถโร และพระกุศลาธรรมา แห่งวัดสัมโพธิวิหาร ได้มีหนังสือกราบทูลสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก เสด็จเยือนศรีลังกา เพื่อรับการถวายพระบรมสารีริกธาตุ
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2542สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้ พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปรับพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดสัมโพธิวิหาร ประเทศศรีลังกา และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกลับมาถึงประเทศไทย พ.ศ. 2543 สมเด็จพระสังฆราชได้ประทาน พระบรมสารีริกธาตุอัญเชิญมาจากศรีลังกา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พุทธบริษัทในจังหวัดภูเก็ตและบริเวณฝั่งอันดามัน
หลังจากเที่ยวกันได้ซักพัก เดินทางไป หาดราไวย์ เป็นชายหาดที่กว้างรองจากหาดป่าตอง เป็นชายหาดที่มีร้านอาหารอยู่จำนวนมาก เป็นที่นิยมในการรับประทานอาหารริมทะเล ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หาดราไวย์แห่งนี้นับว่า เป็นอีกจุดหนึ่ง สำหรับขึ้นเรือของนักท่องเที่ยวไปยังเกาะแกร่งต่างๆ มากกว่าการเล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมอื่นๆในบริเวณรอบๆชายหาด
สำหรับท่านที่สนใจ ร้านอาหารทะเลราคาถูก ที่ภูเก็ต แนะนำที่หาดราไวย์เลยครับ
มาถึงหาดราไวย์แล้ว จอดรถบริเวณวงเวียน แล้วเดินมาทางซ้ายได้เลยจ้า
เข้ามาจะเจอร้านอาหารทะเลสดๆ มากมาย ถ้าจะต้องการกินแบบสดๆ แนะนำให้เลือกอาหารทะเลสดๆ แล้วนำไปปรุงร้านฝั่งตรงข้ามเลยครับ
แนะนำร้านนี้เลยครับ เจ้าของใจดีมากครับ
เมนูวันนี้ คือ ปลาเก๋าแดง 2 ตัว เอามาทำ ปลาเก๋าแดงสามรส กับ ปลาเก๋าแดงนึ่งซีอิ้ว ราคาปรุงแสนถูก จานละ 50-100 บาท
รวมค่าเสียหายสองจาน พร้อมข้าวผัดจานกลาง น้ำอัดลม 2 กระป๋อง แล้วน้ำแข็ง 220 บาทครับ ส่วนค่าปลาเก๋าแดงจากร้านที่ซื้อมา 2 ตัว 200 บาทครับ
หลังจากอิ่มหนำสำราญสบายท้องกันแล้ว เดินทางไปโปรแกรมสุดท้าย คือ แหลมพรหมเทพ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต มีทัศนียภาพที่สวยงาม และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่ได้รับความนิยม เป็นที่ตั้งของประภาคารกาญจนาภิเษก สุดปลายของแหลมพรหมเทพ มีชื่อว่าแหลมเจ้า บริเวณตัวแหลมซึ่งยื่นออกไปในทะเล มีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยต้นตาลที่ขึ้นอยู่กลุ่มใหญ่
หลังจากเที่ยวตามโปรแกรมเสร็จแล้ว เดินทางกลับที่พัก อาบน้ำ นอนสลบเป็นตายเลย ไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ
เดินทางวันที่สาม (วันสุดท้าย)
เนื่องจากการเดินทางกลับกรุงเทพได้จองเที่ยวบินรอบ 06.55 น. เลยตกลงกับรถเช่าที่พาผมเที่ยวในวันที่สองให้มารับตอนเช้า ตกลงราคากัน 600 บาท
ซึ่งผมว่ามันก็สมเหตุสมผลเพราะ สนามบินอยู่ห่างจากป่าตองประมาณ 45 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง
ผมเลยตัดปัญหาและความเสี่ยงจากการตกเครื่อง เลยตกลงตามนั้นให้มารับตอนตีห้าที่โรงแรมที่พัก ซึ่งตรงเวลามากครับ
พอถึงสนามบินได้เวลาอำลาภูเก็ตด้วยวิวบนเครื่องกันครับ
ส่วนทริปต่อไปจะเดินทางไปไหนกัน ติดตามชมเพิ่มเติมกันได้ที่
Facebook : http://www.facebook.com/TeawMuN