เที่ยว ภาคเหนือ เที่ยวภายในประเทศ

เที่ยวน่านด้วยตัวเอง

เที่ยวน่านด้วยตัวเอง

วางแผนเดินทางกันก่อน

เที่ยวน่านด้วยตัวเอง โดยเดินทางด้วยเครื่องบินมาตรงที่สนามบิน แล้วต่อรถสองแถวไปอำเภอปัว 1 คืน เช่ามอเตอร์ไซค์ขับ เที่ยววัดภูเก็ต กินข้าวฟาร์มเห็ด ก่อนเดินทางเข้าตัวเมืองน่าน พักตัวเมืองหนึ่งคืน ปั่นจักรยานเที่ยววัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ตักบาตรยามเช้าแล้วเดินทางกลับกรุงเทพจ้า

สำหรับทริปนี้ได้จองที่พักผ่าน app Traveloka ในโทรศัพท์มือถือก็จะได้ราคาที่ถูกกว่าด้วย จองเลย>> https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/region/nan-10000213

การเดินทางวันแรก

เดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ออกจากสนามบินดอนเมือง 07.30 น ถึงสนามบินน่าน 08.40 น.

ระหว่างเดินทางผ่านบรรยากาศเมฆหมอกอันหนาทีเดียว ซึ่งก่อนเดินทางเช็คสภาพอากาศที่น่านว่าจะอยู่ที่ 16-17 องศาเซลเซียส ต้องรอลุ้นหลังลงจากเครื่องบินว่าอากาศจะหนาวอย่างที่ตั้งใจมาเยือนหรือเปล่า

เดินทางมาถึงสนามบินน่านนครเป็นที่เรียบร้อย สัมผัสอากาศหลังออกจากเครื่องครั้งแรกรู้สึกถึงความหนาวได้ ไม่ผิดหวังแล้วที่จะมาสัมผัสอากาศหนาวที่น่านแน่นอนเลยจ้า

ถึงสนามบินนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างคนละ 20 บาท ออกมารอรถสองแถวฝั่งตรงข้ามกันฮะ มีร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นรสชาติอร่อยทีเดียว ราคาถ้วยละ 30 บาท สามารถรองท้องระหว่างรอรถสองแถวกันจ้า

ใช้เวลาเดินทางจากตัวอำเภอเมืองน่านไปยังอำเภอปัว จุดหมายปลายทางของเราวันนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง ค่าบริการรถสองแถวคนละ 50 บาท ระหว่างทางบางช่วงทำถนนอยู่ บางช่วงผ่านทุ่งนาแสนกว้างใหญ่ ดูสวยสบายตามากเลยครับ

ถึงอำเภอปัวแล้ว เช่ารถจักยานยนต์ขับวันละ 300 บาท เติมน้ำมันเพิ่มอีก 100 บาท ก็สามารถเที่ยวอำเภอปัวกันได้แล้ว ก่อนอื่นต้องเอาสัมภาระไปเก็บที่พักของเรากันแล้ว บ้านตานงค์โฮมสเตย์  ส่วนการเดินทางตามแผนที่ด้านล่างเลยครับ

ค่าห้องพัก 700 บาท ต้องจองล่วงหน้านะครับ ซึ่งที่พักที่นี่แบ่งเป็น 2 โซนคือโซนบ้านกลางนา และโซนไผ่โอน มาดูบรรยากาศที่พักโซนบ้านกลางนากันครับ

มาชมบรรยากาศวิวบริเวณโซนบ้านกลางนากันครับ

ส่วนที่พักของผมวันนี้คือโซนบ้านไผ่โอน ต้องขับรถจักรยานยนต์จากบ้านกลางนาไปอีกนิดนึงครับ

มาชมบรรยากาศวิวบริเวณโซนบ้านไผ่โอนกันครับ

วันแรกขอนอนกินลมชมวิวแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ตกเย็นสั่งอาหารเหนือมารับประทานบริการให้ถึงห้องพัก คนละ 150 บาท มีครบข้าวเหนียวแดง แกงฮังเล แคปหมู ไส้อั่ว ผัดผัก ไข่เจียว กินแล้วฟินมาก อร่อยทุกอย่างครับ

การเดินทางวันที่สอง

ตื่นเช้ามาวันที่สอง มาสัมผัสหมอกยามเช้า กินข้าวต้มหมูของที่พัก ก่อนเดินทางมาฝากของก่อนเดินทางเที่ยวเช้านี้กันครับ

ก่อนเดินทางเที่ยวอำเภอปัวกัน ผมเอาแผนที่เที่ยวตัวอำเภอปัวมาฝากกันก่อนจ้า

โปรแกรมแรก คือวัดภูเก็ต ส่วนของตัวพระอุโบสถนั้นก็เป็นสถาปัตยกรรมเเบบล้านนาประยุกต์ โดยที่ภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนังเเบบสามมิติที่มีความสวยงามเเละเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อแสนปัว ที่ว่ากันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมากอีกด้วย

นอกจากนี้เเล้วภายในวัดมีวิวที่มีความสวยงามอย่างมาก โดยที่ทางวัดจะมีการจัดสร้างระเบียงขนาดใหญ่ไว้คอยต้อนรับผู้มาเยือนเเละผู้มาปฏิบัติธรรมให้ให้ถึงทุ่งเขียวขจีที่มีความกว้างขวาสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับฉากหลังที่ไกลออกเป็นเป็นดายภูคาอันเลื่องชื่อ เเถมมีลำธารไหลผ่านอีกด้วย ทำให้จุดนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการมาชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ เเละยังเป็นจุดสุดฮิตในการมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเเละตกอีกด้วย

ร้านค้ามีกล้วยและผลไม้ แล้วของท้องถิ่น เป็นงาเม็ด งาบด และข้าวเกรียบ ซึ่งอร่อยทุกอย่าง เหมาะสำหรับเป็นของฝากอีกด้วยจ้า

นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงเเรมธรรมะ หรือที่เรียกกันว่า ภูเก็ต สนธยา เทมเพิลสเตย์ ซึ่งสามารถชื่นชมวิวทุ่งด้านหน้าได้อย่างชัดเจน ไว้สำหรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมกับทางวัด เพื่อได้ศึกษาธรรมมะอย่างถ่องเเท้อีกด้วย

เที่ยวกันจนพอประมาณได้เวลากินข้าวเที่ยงกันแล้ว ที่ฟาร์มเห็ดบ้านต้นน้ำ อาหารเพื่อสุขภาพทุกอย่างเกี่ยวกับเห็ด

เลยลองสั่งมาทานสองสามอย่าง พิซซ่าเห็ด ข้าวกระเพราเห็ด ข้าวผัดพริกข่าเห็ดสามอย่าง ภายในท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามเหมาะสำหรับนั่งชิวมากเลย

เดินทางไปคืนรถจักรยานยนต์ที่เช่ามา เพื่อเดินทางต่อเข้าตัวเมืองน่าน ซึ่งรถสองแถวผ่านหน้าโรงแรมของคืนนี้ ได้แก่ โรงแรมพูคาน่านฟ้า โรงแรมแรกแห่งจังหวัดน่าน เก่าแก่คลาสลิคแต่ภายในตกแต่งด้วยไม้หรูเรียบง่าย

ซึ่งก่อนจะไปเข้าพัก เราก็ได้เตรียมตัวจองโรงแรมพูคาน่านฟ้านี้กันก่อนที่นี่เลย >> https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/pukha-nanfa-hotel-3000010029748 โดยใครที่สนใจอยากจะเช็คราคาที่พักแห่งนี้ บวกกับบรรยากาศอื่นๆ เพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปดูกันได้

เข้ามาชมบรรยากาศภายในห้องพักของเรากันบ้างครับ มีครบครันทั้งเตียงนอนแสนนุ่ม ห้องน้ำที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน

เก็บข้าวของเป็นที่เรียบร้อยกันแล้ว ได้เวลาตะลุยหาของกินมื้อเย็นกันอีกแล้วว ถามพนักงานโรงแรมบอกเป็นเสียงเดียวกันต้องร้านนี้ อยู่ดีกินดี จัดไปสิครับ รออะไร ภายในร้านแต่งได้น่ารักมาก ชอบตรงที่วางช้อนส้อมนี่แหละ เก๋อะ ชอบๆ อาหารก็สั่งแบบง่ายๆ ข้าวราดปลาหมึกผัดผงกะหรี่มากินกับไก่ทอดซะหน่อย กินเสร็จกลับไปนอนเอาแรงเที่ยวต่อวันสุดท้ายกันจ้า

การเดินทางวันที่สาม (วันสุดท้าย)

อรุณสวัสดิ์วันสุดท้ายของทริปน่านกันแล้วนะครับ ตื่นเช้าหน่อย สามารถเดินข้ามฝั่งถนนจากหน้าโรงแรม จะเจอแม่ค้าเตรียมขายของไว้สำหรับตักบาตรกันแล้ว จัดไปสามชุด ใส่บาตรเสร็จแล้วรู้สึกสดชื่นมากๆเลย

อิ่มบุญกันแล้ว ขออิ่มท้องกันบ้าง เดินหาของกินที่ตลาดเช้า เดินเข้าไปอีกนิดจะเจอตลาดตั้งจิตอนุสรณ์ ของกินเพียบ เลือกเอาตามอัธยาศัยเลยจ้าา ของที่ห้ามพลาดต้องลองซื้อมาชิมก็คือข้าวหลามกระบอกเรียวๆเล็ก อร่อยมากๆ ถึงมากที่สุด กระบอกละ 25 บาท แต่รับรองฟินแน่นอน

เดินกลับมาโรงแรมมากินข้าวเช้ากันต่อที่โรงแรมทั้งๆที่อิ่มข้าวหลาม ขอแวะซักหน่อยก็ยังดี อาหารก็เป็นข้าวต้ม บะหมี่น้ำ ผลไม้ ถามว่ามีให้เยอะไหม ตอบเลยไม่เยอะเลยครับ ผมไม่เรื่องมากอยู่แล้ว มีอะไรก็กินหมดง่ายๆ

อิ่มท้องกันแล้ว ได้เวลาปั่นจักรยานเที่ยวเมืองน่านกันแล้วจ้าา ตามแผนที่หลักๆ ตั้งใจไปวัดภูมินทร์ และวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร กันครับ ต้องขอบคุณแผนที่จาก นกแอร์ด้วยนะครับ

ปั่นจากโรงแรมมาประมาณ 800 เมตร จอดรถฝั่งซ้าย เดินข้ามถนนมายังวัดก็จะเจอกับวันภูมินทร์กันแล้วจ้า

ถึงวัดภูมินทร์กันเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ได้เข้าไปดู ภาพกระซิบรักบรรลือโลก ก็เหมือนมาไม่ถึงน่านสินะ โดยภาพจะอยู่ในพระอุโบสถหลังกลางวัดเลยคร้าบบ
“ส่วนภาพหนุ่มกระซิบรักบันลือโลก” ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง คันธกุมารชาดก ซึ่งปรากฏบนกำแพงอุโบสถของวัด มีคนตั้งข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นว่า น่าจะเป็นภาพตัวศิลปินเองกับคนรักของเขานั้น

แต่ทว่า ชายหนุ่มในภาพขมวดผมไว้กลางกระหม่อม พร้อมผ้าพันผมแบบพม่า นุ่งผ้าลยลุนตะยาแบบพม่า พร้อมผ้าพันผมแบบพม่า มีสักยันต์สีแดงตามลำตัว ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชนชาวไทใหญ่ สอดคล้องกับตัวอักษรล้านนาที่เขียนกำกับไว้ว่า “ปู่ม่านญ่าม่าน” ซึ่งจะแปลว่าหนุ่มสาวชาวพม่า หรือชาวไทใหญ่ที่อยู่ในเขตพม่าก็ได้

เดินลงมาก่อนถึงทางออกวัดจะมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน แล้วพวกร้านจำหน่ายของฝากอยู๋ในนี้ด้วยครับ

ปั่นกลับมาเที่ยวต่อที่ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อยู่มุมสี่แยกไฟแดงเลยครับ หาไม่ยากเป็นวัดค่อนข้างมีบริเวณกว้างทีเดียวครับ ภายในอุโบสถพระพุทธรูปทองคำปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซนติเมตร ยอดพระโมฬีทำเสริมเมื่อ พ.ศ. 2442 หนัก 69 บาท เจ้างั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่าน

ภายในวัดประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์ มีรูปปั้นช้างปูนปั้น เพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ

ก่อนกลับสนามบินแวะกินข้าวใกล้ๆโรงแรมกันซะหน่อย หวยเลยไปออกร้าน Sweety Nine มีทั้งบริการอาหารพื้นบ้าน พร้อมทั้งจำหน่ายของฝากเมืองน่านที่นี่ก็มีจำหน่ายครับ เลยจัดข้าวคลุกกะปิ ข้าวหมูยอดทอด แล้วตบท้ายด้วย สตรอเบอรี่สมูตตี้ เป็นอันสิ้นสุดทริปน่านขอเราแล้วนะครับ เสียดายจังเวลาเที่ยวหมดแล้ว

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าอ่านกันนะครับ ส่วนทริปต่อไปจะเดินทางไปไหนกัน ติดตามชมเพิ่มเติมกันได้ที่

Facebook : http://www.facebook.com/TeawMuN

แล้วอย่าลืมกดไลท์เพจกันด้วยนะครับ ^_^

หน้าแรกเว็บ

แสดงความคิดเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.