เที่ยวตรังด้วยตัวเอง
วางแผนเดินทางกันก่อน
การเดินทางมาเที่ยวจังหวัดตรังทริปนี้ ได้มีโอกาสมาทำธุระที่จังหวัด สองวัน เลยได้แวะเที่ยวระหว่างทำธุระ โดยโปรแกรมหลักโดยเดินทางไป สถานีรถไฟกันตัง ถ้ำเลเขากอบ วนอุทยานบ่อน้ำพุร้อนกันตัง หาดปากเม็ง พักโรงแรม Eco Inn Trang ส่วนเรื่องเที่ยวและการเดินทางของผมมาติดตามกันเลยครับ
การเดินทางวันแรก
การเดินทางรอบนี้ได้ตั๋วถูกอีกแล้ว ไหนๆก็ไม่เคยมาเที่ยวตรังเลย จัดเลยครับ วันนี้ผมใช้บริการสายการบินแอร์เอเชีย จองตั๋วราคาไปกลับตกคนละ 1500 บาทครับ
จากสนามบินดอนเมือง เวลา 07.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 20 นาที ถึงจังหวัดตรัง 09.15 น. ครับ
หลังจากเดินทางไปสนามบินตรังครั้งนี้ เลือกใช้บริการถเช่าของ Avis Thailand 750 บาทต่อวัน ครับ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจออกจากสนามบินเรียบร้อยแล้ว
โปรแกรมแรกวันนี้ คือ การรับประทานอาหารเช้าที่ ร้านอาหารเลตรัง สาขา 2 อาหารมื้อนี้จะเน้นไปทางติมซำ หมูย่างขึ้นชื่อของจังหวัดตรังกันครับ
ติ่มซำจะเริ่มตั้งแต่ 6.30 และจะหมดประมาณ 10.30 ค่ะ จากนั้นจะขายอาหารตามสั่งจนถึง 14.00 และเปิดอีกที 17.00-22.00 ค่ะ (ติ่มซำมีเฉพาะตอนเช้า)
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมเที่ยวแรก เลือกใกล้ๆตัวเมืองจังหวัดตรัง คือ สถานีรถไฟกันตัง ตั้งอยู่บนถนนหน้าค่าย ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นสถานีรถไฟสุดทางของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 ในอดีตใช้เป็นที่รับส่งสินค้ากับต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย มีรางรถไฟต่อไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ถึงท่าเทียบเรือกันตัง ซึ่งเป็นท่าเรือเก่าแก่ตั้งแต่โบราณ ปัจจุบันทางรถไฟส่วนนี้ถูกชาวบ้านรุกล้ำที่ และไม่มีรางรถไฟส่วนนี้แล้ว
ตัวสถานีรถไฟกันตัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวรูปทรงยังไม่แน่ชัดทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านหน้ามีมุขยื่นประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุ ประตูบานเฟี้ยมแบบเก่า คงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว
ภายในสถานีถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีข้าวของเครื่องใช้ในอดีตคงเหลืออยู่บ้าง นับเป็นสถานีรถไฟที่มีความสวยงามและได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของจังหวัดตรัง จากกรมศิลปากร ตั้งแต่ พ.ศ. 2539
นอกจากตัวสถานี พื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟแห่งนี้ใน อดีตเคยคึกคักไปด้วยโรงเก็บรถจักร และบ้านพักพนักงานการรถไฟ แต่ปัจจุบันได้เงียบเหงาลงตามวัฏจักรของสรรพสิ่ง คงไว้แต่ ร่องรอยของอดีตผ่านตัวอาคารและคำบอกเล่า ที่คนรุ่นหลังคงนึกภาพให้ออกได้ยากเต็มที
หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศบริเวณสถานีรถไฟกันตังกันแล้ว มาเที่ยวต่อที่วนอุทยานบ่อน้ำพุร้อนกันตัง อยู่ในท้องที่บ้านควนแคง หมู่ที่ 7 ตำบลบ่อน้ำร้อน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาหวาง ป่าควนแคง และป่าน้ำราบ มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่
การเดินทาง ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 403 (ตรัง-กันตัง) ถึงเทศบาลเมืองกันตัง ข้ามแพขนานยนต์ ไปบ้านท่าส้ม จากบ้านท่าส้มขับรถไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ถึงปากทางเข้าวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง เลี้ยวขวาตามป้ายชี้ทาง 2 กิโลเมตรถึงที่ทำการวนอุทยานฯและบ่อน้ำร้อน
บ่อน้ำร้อนควนแคง บริเวณพื้นที่พรุน้ำร้อน ได้พัฒนาปรับปรุงเป็นบ่อน้ำร้อน จำนวน 3 บ่อ มีอุณหภูมิของน้ำประมาณ 70 องศา / 40 องศา / 20 องศา ตามลำดับ ใช้ประโยชน์ด้านสันทนาการและเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งวนอุทยานได้เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้แช่เท้าและอาบน้ำร้อนเพื่อสุขภาพ โดยมีห้องอาบน้ำและห้องแช่น้ำร้อนให้บริการเพื่อความเป็นส่วนตัว จำนวน 9 ห้อง บ่อแช่เท้ารวม 1 บ่อ บ่ออาบน้ำรวม 1 บ่อ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ บริเวณพื้นที่พรุน้ำร้อนและพื้นที่ป่าดงดิบได้พัฒนาปรับปรุงเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติพรรณไม้และสัตว์ป่า จำนวน 3 เส้นทาง ระยะทาง 500 เมตร 750 เมตร และ 2,000 เมตร ตามลำดับ ใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ สันทนาการและการท่องเที่ยว
หลังจากเที่ยวกันอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับที่พัก ซึ่งทริปนี้ผมจอง Eco Inn Trang ตกแต่งด้วยสไตล์ที่ทันสมัย ปลอดโปร่ง เน้นความสะอาดของห้องพัก และการบริการในระดับ 4 ดาว ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองตรัง แวดล้อมไปด้วยร้านอาหารชื่อดังมากมาย ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ และถนนคนเดินทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายทั้งในการเข้าพักและการท่องเที่ยวในเมืองตรัง
สิ่งอำนวยความสะดวก
Rain Showerพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น,Free Wi-Fi,ตู้นิรภัยส่วนตัวภายในห้องพักเน้นความสะอาดของห้องพักรวมถึงความปลอดภัยซึ่งอีโค่อินน์ได้ติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิดและพนักงานดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
การเดินทางวันที่สอง
ตื่นเช้าเรากินอาหารว่างยามเช้า เสริฟเครื่องดื่มพร้อมขนมพื้นเมือง
หลังจากรับประทานอาหารโปรแกรมวันนี้ คือ เที่ยว ถ้ำเลเขากอบ ตั้งอยู่อำเภอห้วยยอด สามารถขับรถมาทางถนนทางหลวงหมายเลข 4 จากตัวเมืองตรังประมาณ 30 กิโลเมตร แต่สามารถขับรถจักรยานยนต์มาได้สบายๆครับ เนื่องจากบรรยากาศโดยรอบไม่ร้อน แถมรถยังไม่ค่อยเยอะด้วย เลี้ยวซ้ายตามป้ายเข้าไปจะเจอลานจอดรถบริเวณด้านหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลเขากอบ
ค่าบริการเรือสำหรับเที่ยว เป็นแบบเหมาลำละ 300 บาท นั่งได้ไม่จำกัดแต่ส่วนตัวผมขอแนะนำเพื่อความไม่อึดอัดเวลาที่ต้องนอนรอดถ้ำ ขอแนะนำให้นั่งประมาณ 3-4 คนต่อลำครับ เพราะมิฉะนั้นเวลานอนอาจเป็นเท้าเพื่อนที่เดินทางไปด้วยเวลาเรานอนครับ แต่ผมเดินทางรอบนี้คนเดียวครับ ซึ่งก็มีข้อเสียเหมือนกันคือเวลารอดถ้ำ น้ำหนักคนบนเรือน้อย ทำให้เรือค่อนข้างลอยสูง ทำให้เวลาผ่านก็ลำบากเช่นกัน ลำบากยังไงค่อยมาเล่าภายหลังครับ
ส่วนโปรแกรมเที่ยวคร่าวๆ คือนั่งเรือเข้าปากลอดเข้าปากถ้ำ เข้าถ้ำคนธรรพ์ ชมห้องเจ้าสาว หินตาหินยาย ลอดท้องช้าง และโปรแกรมสุดท้ายคือลอดท้องมังกร จบโปรแกรมเที่ยวคร่าวๆกันแล้ว เที่ยวต่อกันเลยดีกว่าครับ
เริ่มเดินทางก็ตื่นเต้นกับบรรยากาศหน้าทางเข้าถ้ำแล้วครับ ไม่น่าเชื่อว่าคลองเล็กๆ จะมีถ้ำที่สวยมากภายในครับ
เดินทางมาได้ซักระยะนึง เวลาความตื่นเต้นเริ่มต้นด้วยการนอนเข้าไปก่อนเลยครับ มืดมาก
แต่พอเข้ามาเจอจุดจอดแรก คือ ถ้ำคนธรรณ์ครับ จริงๆ ภายในมีหลายถ้ำแต่พอดีผมเห็นป้ายแค่ชื่อเดียว อิอิ ^^
หลังจากเที่ยวจุดแรก ต้องเดินมาลงเรืออีกที่ครับ เพื่อเดินทางไปต่อจุดที่สอง ดีกรีความตื่นเต้นก็ไม่ลดลงครับ
จุดจอดที่สอง ได้แก่ ถ้ำเจ้าสาว ถ้ำรากไทร หินตายาย พร้อมทั้งมีหินย้อยที่มีรูปช้างเพื่อสะเดาะเคราห์ด้วยครับ
เดินมาถึงจุดแรก คือศาลเจ้าที่ ซึ่งเป็นตำแหน่งจุดกึ่งกลางของถ้ำเหล่านี้ครับ
เดินมาถึงจุดที่สอง คือถ้ำเจ้าสาว ที่มาของถ้ำนี้มีความเชื่อมาจาก เคยมีหญิงสาวคนหนึ่งมารอดถ้ำนี้พร้อมทั้งอธิษฐานขอพรแล้วกลับไปได้แต่งงานครับ
ชาวบ้านในท้องถิ่นเชื่อกัน ว่าหากคนที่ยังไม่มีคู่ เมื่อลอดเข้าโถงถ้ำทางช่องกลางของม่านเจ้าสาว กลับไปก็จะได้พบกันเนื้อคู่ แต่ถ้าหากมีคู่แล้วก็ให้ลอดช่อง ทางด้านซ้ายมือก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข แต่ถ้าหากคนไหนมีคู่แล้ว ต้องการมีเพิ่มก็ให้ลอดช่องด้านขวามือ เมือกลับไปจะได้ พบคู่เพิ่ม และเมื่อออกจากโถงถ้ำเจ้าสาว จะต้องออกทางช่องใหญ่ มิฉะนั้นจะไม่เป็นดังคำอธิฐาน
เดินทางมาจุดที่สาม คือ ถ้ำรากไทร เหมือนรากไทรไหมครับ
เดินทางมาจุดที่สี่ หินตายาย จากคำอธิบายของไกด์ บอกว่าด้านบนหรือเต้านมยาย ส่วนด้านล่างเหมือนอวัยวะเพศผู้ชาย แหมเข้าใจจินตนาการเชียว ^_^
เดินทางมาจุดสุดท้ายของที่จุดจอดเรือที่สอง คือ หินย้อยที่มีรูปช้าง เชื่อว่าลอดท้องช้างเพื่อเป็นการสะเดาะเคราห์ครับ
พอลงเรือจากเที่ยวจุดที่สองแล้ว มาถึงจุดสุดท้าย คือการลอดท้องมังกร จากทางหางไปหัวมังกร ซึ่งเชื่อกันว่าใครได้มารอดจุดนี้กลับไปจะโชคดี และยังถือว่าเป็น Unseen Thailand ของแท้ เพราะผมรับรองเลย ไม่เจอความตื่นเต้นแบบนี้ที่ไหนแน่นอน มาถ้ำเลเขากอบไม่ควรพลาดมารอดจุดนี้ครับ
หลังจากเที่ยว ถ้ำเลเขากอบ เที่ยวกันต่อที่ หาดปากเม็งชายหาดแห่งนี้ มีลักษณะเป็นหาดทรายรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ที่ยาวเหยียดไปตามฝั่งทะเลอันดามัน แต่เมื่อน้ำลงต่ำสุดจะเป็นหาดทรายที่กว้างขวางถึง 500 เมตร โดยทรายจะมีความหนาแน่นมาก จนสามารถขับขี่รถยนต์ไปตามชายหาดได้ ถือเป็นหาดที่สวยงามและสงบเงียบแห่งหนึ่ง ชวนพักผ่อนในบรรยากาศชายทะเล รวมทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลแห่งแรกของเมืองตรังด้วย
โดดเด่นด้วยโขดเขาใหญ่กลางน้ำ รูปร่างคล้ายคนขนาดยักษ์ นอนหงายทอดตัวยาวไปทางด้านทิศเหนือ ซึ่งก็คือ “เขาเมง” หรือ “เกาะเมง” ที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำหาด เนื่องจากนักท่องเที่ยวมักมาเฝ้ารอยลโฉมความงดงามสุดแสนโรแมนติกของพระอาทิตย์ ที่จะค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าที่บริเวณหลังเกาะแห่งนี้ นอกจากนั้น ริมชายหาดยังเรียงรายด้วยสนทะเล ที่ขึ้นตลอดแนวยาวกว่า 5 กิโลเมตรด้วย
หลังจากเที่ยวตรังได้เตรียมเดินทางกลับสนามบินตรัง เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน เวลา 18.30 น. เพื่อเดินทางกลับถึงกรุงเทพเวลา 19.35 น. เป็นอันจบทริปการเดินทางครั้งนี้ครับ
สุดท้ายต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านตั้งแต่แรกจนจบ ทริปต่อไปจะไปที่ไหน ติดตามชมรายละเอียดได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/TeawMuNDotCom/