เที่ยวดาลัคด้วยตัวเอง
วางแผนการเดินทาง
การเดินทางไปเวียดนาม ควรแลกเงิน VND ก่อนเดินทางจะดีมากครับ วิธีที่แนะนำคือให้เอาเงินบาทไทยแลกเป็นสกุล USD ไปก่อนแล้วค่อยเอาไปแลกเป็นสกุล VND ที่เวียดนามอีกทีครับ จะได้อัตราแลกเปลี่ยนดีกว่าค่าเงินไทยครับ หรือสามารถไปกดจากตู้เอทีเอ็มที่เวียดนามได้ครับ เสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 60,000 Dong
ท่านใดต้องการแลกเปลี่ยนในประเทศไทย ซึ่งหากท่านสะดวกแลกเงิน แนะนำ Superrich เลยครับ จะได้อัตราการแลกเปลี่ยนที่ดีทีสุด แต่ท่านใดไม่สะดวกไปแลกที่ดังกล่าว สนามบินสุวรรณภูมิก็มีให้แลกครับ อัตราจะอยู่ประมาณ 1 USD = 20,000 Dong หรือ 1 บาท = 635 Dong หรือถ้าจะคิดเงิน VND เป็นเงินไทยง่ายๆ คือ ตัดเลขศูนย์สามตัวท้ายออกแล้วคูณด้วย 1.5 บาทครับ เช่น 10000 VND = 10×1.5 = 15 บาทครับ
การเดินทางวันแรก
การเดินทางวันแรกเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เจ้าประจำของคนงบน้อยเบี้ยน้อยอย่างเรา เลือกเที่ยวบินดึกสุดจะได้ลาน้อยที่สุด เที่ยวแบบดิบๆ สนุกดีเหมือนกัน ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมง ถึงสนามบินก็ดึกแล้ว สามสี่ทุ่มแล้ว รถประจำทางก็หมดแล้ว เลยตัดสินใจนั่งรถแท๊กซี่มาที่ฟาร์มงูเหลา เพื่อนั่งรถต่อไปดาลัคในคืนแรกเลยจ้า
ก่อนจะขึ้นรถไปดาลัค หาข้าวกินใกล้ๆกันก่อน เป็นไก่หนังเนียวผัดใส่ผัก แล้วข้าวต้ม ขอบอกว่ากินได้เฉพาะข้าวต้มเปล่ายังอร่อยเลย แกล้มด้วยผัก แต่ไก่นี่สิ เหนียวจนกินไม่ลง ทิ้งไปซะเยอะเลยจ้า
กินเสร็จแล้ว เอาตั๋วที่จองไว้ไปแลกตั๋วจริง ส่วนสนนราคาค่า นั่งรถไปดาลัด คนละ 225,000 ดอง แนะนำให้จองแถวบนนะครับ ชีวิตดี๊ดีกว่าเยอะครับ รู้สึกเป็นส่วนตัวกว่าข้างล่างเยอะครับ สามารถจองล่วงหน้าที่เว็บด้านล่างเลยจ้า http://www.thanhbuoi.com.vn/GioiThieu.aspx?id=6
แต่ต้องมาก่อนครึ่งชั่วโมงนะครับ เนื่องจากที่นี่เป็นเพียงจุดรับส่งไปยังสถานีขนส่ง ดังนั้นห้ามพลาดเรื่องเวลาเด็ดขาด ถ้ารู้ตัวมาไม่เรียกซักที ต้องไปเรียกนะครับ ไม่้งานอาจพลาดเที่ยวรถหลักได้นะครับ
พอไปถึงสถานีขนส่งแล้ว เอาให้ชัวร์ถามเจ้าหน้าที่ หรือ คนขับแถวนั้นดีกว่าครับ ชัวร์กว่าจะได้ไม่ขึ้นผิดคันครับ ขึ้นรถแล้วเป็นรถนอนสบายๆ หลับยาวตลอดเส้นทานเลยจ้า
การเดินทางวันที่สอง
เดินทางมาถึงสถานีขนส่งดาลัคกันที่เรียบร้อยแล้ว นั่งรถรับส่งเข้ามายังตัวเมืองดาลัค เพื่อมายังที่พักของเรา Iris Dalat Hotel สามารถที่พักล่วงหน้าซึ่งทำให้เราชีวิตสะดวกสบายขึ้น ด้วยเว็บไซต์ TRAVELOKA ครับ
เนื่องจากเดินทางมาเช้าก่อนบ่ายสองสามารถเช็คอินได้ แต่ห้องไม่ว่างให้เราได้พัก แต่เนื่องจากห้องพักที่จองรวมอาหารเช้าแล้ว เลยเปลี่ยนวันจากพรุ่งนี้มากินวันนี้ก่อนแทนเลยละกัน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีจะเอายังไงกันต่อ ซึ่งอาหารเช้าที่นี่เปิดตอนเจ็ดโมง เลยจัดซะเลย มาชมอาหารเช้าแบบบุตเฟต์กันว่าจะน่าทานแค่ไหนครับ
กินอิ่มกันเรียบร้อยแล้ว หาเรื่องเที่ยวต่อสิจะ รออะไรจัดการจองทัวร์แบบ One Day Trip สนนราคา 170000 ดอง ตามโบว์ชัวร์ที่ได้รับจากโรงแรม เป็นโปรแกรมยอดฮิตซะด้วย
เริ่มตัวกันแปดโมงครึ่งท่ามกลางสายฝนโปรยปรายมาค่อนข้างหนักทีเดียว เป็นกังวลนิดๆ ว่าวันนี้จะเที่ยวได้ทุกโปรแกรมกันหรือเปล่า คิดซะว่าเท่าไหนก็เท่านั้น จะได้ไม่ผิดหวังมาก
ใช้เวลาไม่นานไม่เกินสิบห้านาทีก็เดินทางมาถึงสถานที่แรกคือ พระราชวังฤดูร้อนเบ๋าได๋ ซึ่งก่อนเข้าพระราชวังต้องใส่ถุงพลาสติกครอบรองเท้าไว้ด้วย ส่วนภายในอาคารมีสองชั้นที่สามารถเยี่ยมชมได้ แต่ละห้องดูอลังการหรูหราในสไตล์สมัยก่อนเลยแหละครับ
เดินทางกันต่อรอบนี้แวะร้านขายของฝาก มีชากับขนมมาให้ลองชิม ถ้าสนใจเลือกซื้อได้ เป็นชา Artichoke กับกาแฟขี้ชะมด เนื่องด้วยผมกินกาแฟไม่ได้เลยลองชาดูแล้วกัน รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว แต่กาแฟจากกลิ่นดูน่าจะรสชาติดีไม่แพ้กัน
หลังจากจิบชากินขนมกันแล้ว เดินทางต่อที่ Showroom of Art Reserved Flower
ภายในมีดอกไม้ประดิษฐ์ที่จัดไว้อย่างสวยงาม หลายรูปแบบให้เลือกครับ พร้อมทั้งของที่ระลึกอื่นๆกระจุกกระจิกน่ารักทีเดียวครับ
เดินออกมาข้างนอก ถ้าเดินลงไปข้างล่างจะเจอกับ Valley of Love แต่วันนี้ฝนตกปลิงเพียบเลยขอบายเดินถ่ายรูปด้านบนพอแทนแล้วกันครับ
หลังจากฝนเริ่มซาเที่ยวกันต่อที่ XQ Museum เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงภาพที่เย็บปักมือด้วยไหมมากมาย ซึ่งคนเวียดนามจะซื้อฝากเป็นของขวัญที่มีค่าสำหรับคนเวียตนาม
ก่อนพักกินข้าวเที่ยงเที่ยวกันต่ออีกนิดที่ Linh Son Pagoda ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา มีพระพุทธรูปสวยงาม รวมทั้งยังสามารถชมวิวเมืองดาลัดได้อีกด้วย
อาหารกลางวันมื้อนี้ กินภัตตาคารริมทะเลสาบซวนเฮือง อันนี้ไม่รวมในแพคเกจต้องจ่ายเองนะจะ ต้องขอโทษที่จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆ ส่วนอาหารก็จิ้มๆตามรูปผลที่ออกมาเลยเป็นแบบนี้จ้า
หลังท้องอิ่มกันแล้ว เดินทางเที่ยวกันต่อที่ Robin Hill เพื่อขึ้น Cable Car กันต่อจ้า ค่าตั๋ว คนละ 50000 ดอง ต้องจ่ายเอง สำหรับเดินทางเที่ยวเดียว เนื่องจากรถจะไปรอรับอีกทางนึงเลยครับ ซึ่งเป็นทางเข้าวัดตั๊กลัมด้วยจ้า
ส่วนวิวบน Cable Car วันนี้ เจอฝนตกเต็มๆ เลยได้เต็มที่เท่าที่เห็นแหละ แอบเสียดายเล็กๆเหมือนกัน
ลงจาก Cable Car ยังฝนตกแบบรัวๆ เลยต้องรีบเดินเข้าวัดตั๊กลัม ซึ่งเป็นวัดพุทธในนิกายเซน ภายในบริเวณวัดค่อนข้างดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย แถมโดยรอบมีสวนดอกไม้ แต่เนื่องจากฝนตกเลยเก็บภาพมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จริงๆ เดินทางต่อที่น้ำตก แต่ฝนตกหนักผมเลยสละสิทธิ์ไม่ได้เตรียมชุดกันฝนด้วย เลยรอกลับห้องที่โรงแรมเลยละกัน มาชมบรรยากาศ Iris Dalat Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมของเรากันดีกว่า ห้องพักค่อนข้างดี แต่แอบเดินไกลซักนิดแต่พอเดินได้ชิวๆ แต่บอกก่อนนะครับ ห้องพักที่ดาลัดไม่มีแอร์เนื่องจากอากาศเย็นตลอดทั้งปีอยู่แล้ว ผมแค่เปิดหน้าต่างๆนิดๆ หนาวสั่นไปทั้งตัวแล้วครับ
หลังจากหิวได้ที่เลยมากินเฝอร้าน Lien Hoa Restaurant รสชาติค่อนข้างทีเดียวครับ
ร้านด้านล่างเป็นร้านเบเกอรี่ มีให้เลือกหลากหลาย แถมรสชาติดีแถมราคาไม่แพงอีกด้วยจ้าา
เดินเล่นชมเมืองยามค่ำคืนของขายเพียบเลยจ้าา บรรยากาศก็ดี แต่เนื่องจากต้องตื่นแต่เช้าเลยเดินแปบเดียวก็กลับห้องพร้อม Dalat Milk จ้า
การเดินทางวันที่สาม (วันสุดท้าย)
เช้าวันสุดท้ายของการเดินทางต้องนั่งรถนอนกลับจากดาลัดแต่เช้าหน่อยเพื่อที่จะมีเวลาเที่ยวโฮจิมินต์ชี้ตี้ ก่อนเดินทางขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพจ้า
ถึงโฮจิมินต์ชี้ตี้เรียบร้อย นั่งรถแท๊กซี่ไปเที่ยวต่อที่ไปรษณีย์กลาง ซึ่งไปที่เดียวได้ทั้งไปรษณีย์กลาง และโบสถ์นอร์ทเตอร์ดัม ซึ่งอยู่ใกล้กันถือว่ามาเที่ยวที่เดียวได้สองที่เลย เหมาะกับคนเวลาน้อยอย่างผมครับ
เดินเล่นถ่ายรูปแปบเดียวทำไมรู้สึกเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริงๆ ต้องเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้ว
ส่วนทริปต่อไปจะเดินทางไปไหนกันต่อ ติดตามชมเพิ่มเติมกันได้ที่ Facebook : TeawMuN