เที่ยวกรุงเทพ วันเดียว แบบสบายๆ
วางแผนก่อนเดินทาง และสาเหตุการเดินทางรอบนี้
แผนการเดินทางวันนี้ ไม่มีอะไรมากมายครับ ผมแค่อยากทำบุญ ไหว้พระแล้วก็ถ่ายรูปมาลงเว็บ เลยเกิดทริปดังกล่าวขึ้นครับ
เริ่มต้นทริปด้วยเช้าวันเสาร์ ที่สดใส เดินทางออกจากบ้าน เพื่อเดินทางขึ้นรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีลาดกระบัง เพื่อเดินทางไป Airport Rail Link สถานีมักกะสัน
แล้วนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ต่อไปลงสถานีสามย่าน
เพื่อเดินทางไปจุดหมายปลายทางแรก คือ วัดหัวลำโพง เดินทางโดยรถไฟฟ้าสถานีสามย่าน ทางออก 1 เริ่มต้นด้วยการทำบุญไหว้พระกันก่อนให้จิตใจผ่องใสครับ
“มูลนิธิร่วมกตัญญู” แห่งนี้มีชื่อเป็นที่รู้จักอีกกิจกรรมหนึ่งนั้นคือ การทำบุญซื้อโลงศพ ให้แก่ศพไม่มีญาติ ซึ่งการบริจาคโลงศพนั้น เชื่อกันว่าจะได้อานิสงส์แรง จะช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่ง สามารถต้านเคราะห์ภัยหนักต่างๆและผ่อนหนักเป็นเบาได้
อันนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ใครไม่เชื่อก็อย่าไปรบหลู่ ส่วนตัวเจ้าของบ้านนั้น ก็ไม่ได้หวังอานิสงฆ์ที่ว่า เพียงแต่เชื่อว่า “การให้” ไม่ว่าจะให้ใคร คนตาย คนเป็น หรือสรรพสัตว์ ก็ล้วนทำให้โลกหน้าอยู่ขึ้น หากทุกคนพร้อมที่จะให้แล้ว จะทำให้เราละความเห็นแก่ตัว เห็นแก่มี เห็นแก่ได้ เห็นแก่สะสม โลกคงน่าอยู่ขึ้นแยะ หากคนมีเมตตา
สนนราคาของโลงศพที่รับบริจาคนั้น ราคาโลงละ 500 บาท บอกไว้อย่างชัดเจน ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน (แจ้งราคาชัดเจนแบบนี้รับรองไม่โดน สคบ. ฟ้องแน่ อิอิอิ) แต่หากไม่อยากทำทั้งโลงหรือเกินแก่กำลังที่พึงจะมีให้ ก็สามารถบริจาคได้ตามกำลังและสมัครใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะมีกระดาษแผ่นสีชมพู มาให้เรากรอกข้อความง่าย ๆ นั่นก็คือ ชื่อของเราเอง หรือชื่อของผู้ทำบุญ ซึ่งมีข้อความดังนี้
ข้าพเจ้า ……………… ขออุทิศ หีบศพ ผ้าขาว ให้กับเจ้ากรรมนายเวร และศพไม่มีญาติ
ขอให้ข้าพเจ้าจงพ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น และมีความสุข ความเจริญ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ลงชิ่อ………………
จากนั้นก็จะชี้ให้เราไปที่ที่วางแป้งเปียก และให้ทาแป้งเปียกที่หลังกระดาษใบนั้น แล้วนำไปปิดที่โลงที่วางเรียงเอาไว้ด้านหนึ่ง จากนั้น นำใบอนุโมทนาบัตรที่ทางเจ้าหน้าที่มอบให้ เข้าไปเผาในศาลเจ้า เป็นอันเสร็จพิธี
นอกจากนี้ตอนที่ไป ก็ยังมีกล่องรับบริจาคเพื่อซื้อแผ่นทอง ให้ทางวัดน้ำไปหลอมเป็นองค์พระโมคคลานะสาวก แผ่นละ 10 บาทอีกด้วย วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก หยอดเงิน (มากกว่า 10 บาทก็ได้) หยิบแผ่นทองเหลืองขึ้นมา เขียนชื่อ นามสกุล จะชื่อเล่นด้วยหรือไม่ก็ไม่ได้ระบุไว้ วันเดือนปีเกิด ลงบนแผ่นทองเหลืองแล้วนำไปหยอดในกล่องที่เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธีเช่นกัน
จากนั้นก็เข้าไปไหว้เจ้า โดยให้ไปเอาธูปจำนวน 20 ดอก โดยให้ปักที่กระถางภายในศาลเจ้ากระถางละ 3 ดอก มีทั้งหมด 6 กระถาง และนำไปปักไว้ที่กระถางหน้าประตูซ้ายขวา กระถางละ 1 ดอก
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ http://www.oknation.net/blog/winsstars/2011/05/11/entry-1
หลังจากไหว้พระทำบุญโลงศพกันแล้ว จุดหมายปลายทางที่สอง คือ ถนนเยาวราช เป็นถนนสายหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ระยะทางความยาวตลอดเส้นทางประมาณ 1 กิโลเมตร ได้รับการกล่าวขานและขนานนามว่าเป็น “ถนนมังกร” โดยมีจุดเริ่มต้นของหัวมังกรที่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาบริเวณวงเวียนโอเดียน ท้องมังกรอยู่ที่บริเวณตลาดเก่าเยาวราชและสิ้นสุดปลายหางมังกรที่บริเวณปลายสุดของถนน สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้ระยะเวลาในการตัดถนน 8 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2434 – พ.ศ. 2443 เพื่อให้เยาวราชกลายเป็นสถานที่สำหรับส่งเสริมการค้าขาย เดิมทีชื่อ “ถนนยุพราช” และได้โปรดเกล้าพระราชทานนามใหม่ว่า “ถนนเยาวราช” ก่อนอื่นต้องจะขอแนะนำแผนที่ของกินถนนเยาวราชกันก่อนครับ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หาของกินกันก่อน โดยเอาใจคนชอบกินติมซำ ชื่อร้าน ฮ่องกงติมซำ อยู่ถนนเยาวราชซอย 6 มีติมซำวางหน้าร้านมากมายสังเกตุไม่ยากครับ
ติมซำร้านนี้ไม่แพงมาก ติมซำราคา 25-35 บาท เกี้ยวกุ้ง กับกระเพาะปลา ราคาชามละ 70 ถ้าจำผิดหรือราคาเพิ่มขึ้นต้องขอโทษเจ้าของร้านก่อนนะครับ เพราะตอนนั้นหิวมาก ตาลายอาจจำผิดเล็กน้อย อิอิ จุดหมายปลายทางที่สาม คือ วัดเล่งเน่ยยี้ ซึ่งภายในวัดไม่่สามารถถ่ายรูปได้เลยฝากได้ แต่วัดนี้ มีชื่อเสียงเรื่องการสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จาก http://www.lengnoeiyi.com/index.php?option=com_content&view=frontpage&Itemid=1
หลังจากไหว้พระ วัดเล่งเน่ยยี้ เดินทางไปจุดหมายปลายทางที่สี่ คือ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ระหว่างทางถนนเจริญกรุง จะผ่าน ร้านลอดช่องสิงคโปร์ร้านแรกของเมืองไทย ที่ขายมากว่า 60 ปีเดิมทีชื่อว่าร้านสิงคโปร์โภชนา เพราะในอดีตมีโรงหนังสิงคโปร์หรือโรงหนังเฉลิมบุรีอยุ่บนถนนเส้นนี้ แต่ต่อมาหลายคนมักเรียกสั้นๆ ว่า ร้านลอดช่องสิงคโปร์ จึงเปลี่ยนชื่อให้จำง่ายๆ ว่าร้านลอดช่องสิงคโปร์แทน ความอร่อยของร้านนี้คือแป้งหนึบๆ น้ำกะทิหอมหวาน เวลาทานตอนอากาศร้อนๆ จะชื่อนใจมากๆ ราคา 20 บาท/ถ้วย เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก http://www.chillpainai.com/scoop/677/ตะลุยกิน-10-ร้านอร่อยเยาวราช/
เดินไปด้วยกินลอดช่องไปด้วย เดินไปแปบเดียว ก็ถึงจุดหมายปลายทางที่สี่ คือ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เป็นวัดโบราณอยู่ในที่ลุ่มพระอารามเป็นเรือนไม้ มีชื่อเดิมว่าวัดสามจีน เข้าใจกันว่า จีน 3 คนร่วมกันสร้างพระอารามเพื่อเป็นวิหารทานการบุญ (มีความตำนานใกล้เคียงกับวัดนางปลื้ม (วัดสามปลื้ม) หรือวัดจักรวรรดิฯ ทำนองเดียวกัน) ในปีพุทธศักราช 2477 พระมหากิ๊ม สุวรรณชาต ผู้รักษาการในหน้าที่เจ้าอาวาสเป็นผู้ริเริ่มปรับปรุงวัด ต่อมาในปีพุทธศักราช 2480 ได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคมให้ปรับปรุงสภาพวัดให้ดีขึ้น ปีพุทธศักราช 2482 พ่อค้าประชาชน คณะครูและนักเรียน ได้ร่วมกันปฏิสังขรณ์และเปลี่ยนนามใหม่ เป็นชื่อ วัดไตรมิตรวิทยาราม ซึ่งมีความหมายว่า เพื่อน 3 คนร่วมกันสร้างวัดนี้ ประกอบกับวัดเป็นที่ตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมและโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัยของรัฐบาลอยู่ภายในบริเวณของวัด สิ่งสำคัญของวัด คือ พระสุโขทัยไตรมิตร เป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุด และได้รับการบันทึกในหนังสือกินเนสบุ๊คออฟเรคคอดร์ พระพุทธรูปทองคำองค์นี้มีหน้าตั้งกว้าง 3.01 เมตร สูง 3.91 เมตร องค์พระสามารถถอดได้ 9 องค์ จากฐานองค์พระขึ้นไปเนื้อทองบริสุทธิ์ 40 %พระพักตร์มีเนื้อทอง 80 % ส่วนพระเกศมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม เป็นเนื้อทองบริสุทธิ 99.99 %
การเดินทางไป วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหารหากไม่ได้มาจากเยาวราช สามารถเดินทางมาจากได้จากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีหัวลำโพงทางออก 1 เดินไปตามถนนพระรามสี่ ข้ามถนนสองรอบ จะเจอแยกนี้แล้วเดินเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆ วัดอยู่ฝั่งขวาไม่ไกลมากครับ
บรรยากาศภายในวัด
ซึ่งภายในวัดมี ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช ซึ่งผมอยากแนะนำให้เข้าไปชม เพราะทำค่อนข้างดี แถมยังให้ความรู้เกี่ยวกับถนนเยาวราชมากขึ้น คนไทยเข้าชมฟรีครับ
หลังจากเดินทางเที่ยวกิน ถนนเยาวราช เสร็จกันแล้ว จุดหมายปลายที่ห้า คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว
(เวลาเปิด-ปิด 08.30 – 16.00 น.) ไหว้พระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางความศรัทธาไทย – ลาว เพื่อความเป็นสิริมงคล “ไหว้พระแก้วมรกต แก้วแหวน เงินทองไหลมาเทมาตลอดปี” ด้วยธูป เทียน ดอกบัวคู่
สถานที่ตั้ง อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง รถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 53, 59, 64, 80, 82,91,201, 203 รถปรับอากาศ สาย 501, 503, 508, 512
จุดหมายปลายทางที่หก คือ พระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ปัจจุบัน พระบรมมหาราชวังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับที่ 16 ของโลก โดยมีผู้เข้าเยี่ยมชมในปี พ.ศ. 2549 เป็นจำนวนถึง 8,995,000 คน
หลังจากเที่ยว พระบรมมหาราชวัง กันแล้ว รู้สึกเหนื่อยและร้อนมากเลยครับ เลยหาที่นั่งพักร้อนจึงตัดสินใจเดินทางไปวังหลัง เพื่อหาร้านกาแฟนั่งตากแอร์เพื่อคลายร้อน เสียค่าเรือข้ามฟาก 3 บาทต่อคนครับ
หลังจากเดินทางหายเหนื่อยกันแล้ว เริ่มเย็นแล้ว ผมจึงตัดสินใจเลือกการนั่งเรือเที่ยว จากท่าวังหลัง ไปท่าสะพานตากสิน โดยนั่งเรือธงส้ม ค่าตั๋วเรือ 15 บาทครับ
หลังจากที่ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยากันแล้ว เหนื่อยสุดๆ หมดแรงจะไปเที่ยวต่อที่อื่นแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านครับ
ส่วนทริปต่อไปจะเดินทางไปไหนกัน ติดตามชมเพิ่มเติมกันได้ที่
Facebook : http://www.facebook.com/TeawMuN